ถึงจะเป็นสายกลัว “ผี” ขั้นสุดแต่ก็อยากลองทำดู สำหรับ เจ๋ง บิ๊กแอส หรือ เดชา โคนาโล นักร้องสายร็อก ประเดิมเล่นภาพยนตร์หนังสยองขวัญแห่งปี “4 ป่าช้า” ตอน ญิณ ค่ายไฟว์สตาร์ โปรดักชั่นฯ ท้าตาย เสี่ยงชีวิต เข้าฉาย 10 เมษายนนี้ในโรงภาพยนตร์ งานนี้หนุ่มเจ๋งอยากเล่นเพราะไม่อยากทิ้งโอกาสดีๆที่เข้ามา พร้อมเล่าปมชีวิตมาจากติดลบ กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่าย ส่วนสถานะหัวใจสีชมพูสดใส มี “แฟน” เป็นกำลังใจคนสำคัญ คอยเป็นลมใต้ปีกประคับประคองกันมา ใน “คนดังนั่งคุย”เป็นคนกลัวผีทำไมถึงตัดสินใจรับ“อย่างแรกเลยนะ ทางไฟว์สตาร์ติดต่อมา เราถือว่าเขาติดต่อมาโดยที่ไม่มีข้อแม้ในการแคสติ้ง ก็ตกใจนะเขาเล็งเป้าที่เรา มารู้ทีหลัง พี่เต๋า (อดิเรก โพธิ์ทอง) ผู้กำกับ เขาอยากร่วมงานกับเรา ผมรู้สึกว่าเป็นการให้เกียรติให้โอกาสกัน ตัวผมเองรู้สึกว่าพอผ่านละครเรื่องแรก เถ้ากระดังงา ชีวิตนึงครั้งนึงมีโอกาสก็ลองดู อย่าง 4 ป่าช้า เป็นอีกบทบาทน่าสนใจ เรารับเรื่องนี้อยากลองการถ่ายหนังเป็นยังไง เมื่อเรามีโอกาสให้เราได้ลองทำดู รู้สึกว่าไม่ใช่ว่าทุกคนมีโอกาส”ตารางคอนเสิร์ตก็แน่นยังวาร์ปมาเล่นหนังได้“โชคดีหนังเรื่องนี้ใช้คิวน้อยมาก แค่ 4 คิว ส่วนการทำงานสิ่งที่ยากอันดับแรกคือทำความเข้าใจของบทมูซา เป็นคนรักครอบครัว มีลูกเมียที่ต้องดูแล เอาจริงๆเราไม่เข้าใจบทบาทความอบอุ่น ความรักของครอบครัว เพราะในเรื่องเราเป็นพ่อคน มีลูก แต่ชีวิตจริงตัวผมเองยังไม่มีลูกมีเมีย เลยไม่รู้บริบทตรงนี้ ผมรู้จักครอบครัวในแง่ของผม มีแม่ มีน้อง มีแมว มีแฟน เรารู้บริบทครอบครัวแบบนี้แต่ไม่รู้บริบทพ่อคนเป็นยังไง ต้องคุยกับพี่เต๋า ผู้กำกับ แชร์ครอบครัวที่เขาอยากให้เป็นก่อน”เล่นไปเจอความหลอนบ้างมั้ย“ใน 4 เรื่อง 4 ป่าช้า บริบทมีความหลอนของมันในแต่ละตอน ตอนของผม ญิณ”สถานที่ถ่ายทำน่ากลัวขนาดไหน“เรารับเล่นเพราะรู้ว่าเป็นการแสดง และไปรับบท ญิณ ก็เป็นคนแสดง แต่ถ้ามีคนบอกเจ๋งต้องไปท้าทาย ไปเจอผีจริงๆ มันคงไม่มีใครรับ จริงมั้ย”ตอนของพี่ไมค์-ภณธฤต ถ่ายป่าช้าจริง คนก็เจอสิ่งลี้ลับกันตลอด“จริงเหรอ? ผมไม่รู้เลย ถ้าเจอถ่ายติดในเรื่องก็จะหลอนหนัก แต่ผมไปถ่าย ไม่มี กลัวผี ผมกลัว” ต้องร่วมงานกับพี่ไมค์สักเรื่อง“งั้นอย่าดีกว่าครับ (หัวเราะ) โชคดีเล่นเรื่องนี้ไม่เจออะไร”เคยเจอเหตุการณ์หลอนๆที่เราสัมผัสได้ว่าผีมีจริงๆมั้ย“สมัยวัยเด็กผมโดนปลูกฝังมาแบบผิดๆ ผมอยู่บ้านป้าจะมีช่วง พ.ศ. ภาพข่าว สมัยนั้นไม่เซ็นเซอร์ศพ หนังสืออาชญากรรม ภาพจากมูลนิธิ บรรยายตายยังไง เห็นทุกอย่าง แล้วเราไปเปิดเจอในบ้านก็หลอน กลัว บวกกับคนรอบข้างเล่าเรื่องผี ในคลองมีคนโดดน้ำตายทำให้เรากลัว พอโตขึ้นมาก็ชอบฟังเรื่องผีอีก คนมันเป็นอย่างนี้กลัวแต่ชอบฟัง ผมก็เช่นกันผมกลัวแต่ชอบฟังมีวิธีจัดการพกพระไปโรงแรมนอนกับพี่แจ็ค ผู้จัดการฯไม่ได้พยายามแยกนอนเดี่ยว ผมพกหลวงปู่ทวด หลวงปู่โต๊ะ ท้าวเวสสุวรรณ เหรียญพญาครุฑให้อุ่นใจที่ผ่านมาทัวร์คอนเสิร์ตมาโชคดีไม่เจออะไร อาจจะเป็นเพราะนอนที่ไหนเป็นคนไหว้ขอ เพื่อความสบายใจแต่ให้มูเตลู มีเสน่ห์ มี ชื่อเสียงโด่งดังผมไม่ขนาดนั้น”แฟนๆแซวกันเจ๋งเป็นคนหน้าโหดแต่มีโหมดอ่อนโยน มุ้งมิ้ง“เวลาผมออกไปข้างนอกภาพลักษณ์ปกติจะเป็นแบบนี้นิ่งๆ ไม่ยิ้มจะดูโหด ดูน่ากลัว ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาทำให้ดูโหด แต่ความจริงไม่มีอะไร ผมเป็นคนติดบ้านมากกว่าที่จะออกไปข้างนอก ด้วยสายงานเราออกไปข้างนอกเจอคนเยอะอยู่แล้ว”ติดบ้านหรือติดแมว“ทั้งสองอย่างครับ ความจริงผมเป็นคนที่การอยู่บ้านเป็นพื้นที่เซฟโซนสำหรับผม กินข้าวจะนั่งกับพื้น หรือนั่งกินกับหมากับแมว ได้ทำอะไรที่ออกจากโลกของการทำงาน ได้อยู่กับครอบครัว”เพราะชีวิตเราผ่านเรื่องราวมากมายเลยทำให้วันนึงเราอยากอยู่เซฟโซน“ก็ด้วยครับ วัยเด็กเจอช่วงเวลายากลำบากมาเยอะมาก จนรู้สึกว่าผมไม่เคยได้พักชีวิตอะไรเลย ต้องคิดทำโน่นทำนี่ เอาชีวิตให้รอด ไม่เคยได้พัก ไม่เคยได้เที่ยว ไม่มีเวลายิ้มแย้มแจ่มใสเลย เพื่อนก็ไม่มี ถ้าผมพูดว่าเพื่อนก็ไม่มีมันอาจจะดูแปลกใช่มั้ย? ความจริงเป็นอย่างนั้น ทุกวันนี้นอกจากทำงาน ผมอยู่บ้าน ชีวิตผมมีแม่ หมา แมว แฟน น้อง หลาน แค่เห็นเขามีความสุขโอเคแล้ว”ตอนนี้เจ๋งทำให้ครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกัน“ใช่ครับ ความจริงแล้วชีวิตผมติดลบ เราดิ้นรนมา...ผมเหนื่อยนะ เหนื่อยมาก บางทีเคยคิดเหมือนกันผมจะดิ้นรนไปทำไม พอเราเห็นแม่เรา เห็นน้อง เห็นความเป็นอยู่ของเรา ไม่ได้สิ เราโตสุดในบ้านแม่ก็แก่ลงทุกวันจะปล่อยให้แม่อยู่สภาพนี้เหรอ จะอยู่ในครอบครัวแตกแยกอย่างนี้เหรอ ชีวิตติดลบแบบนี้เหรอ ติดลบไปจนตายไม่ได้ ผมรู้สึกว่าทำอะไรได้ผมก็ทำ ยอมรับการอยู่บิ๊กแอสเป็นการเปลี่ยนชีวิต เรามีงานมีชื่อเสียง เก็บเงินจากการเล่นคอนเสิร์ต ทำให้เรารู้สึกชีวิตเราไม่ติดลบแล้ว ผมพยายามเก็บเงิน ซื้อบ้านให้แม่เพราะผมจำได้ว่าแม่อยู่ห้องเช่ามาทั้งชีวิต แม่จะตายในห้องเช่าไม่ได้ อย่างน้อยๆตายในที่ของแม่หรือของลูกดีกว่า แม่ผมมีปมชีวิตเยอะมากผมพยายามทลายปมให้เขาทุกอย่าง พูดตอนนี้มันขำแต่ตอนนั้นมันไม่ขำนะ ผมเคยซื้อทองให้แม่ ตอนนี้หายหมดกับเล่นหวย ตอนนั้นมันไม่ตลกจนผมไม่ซื้อให้แล้ว แม่แค่เอาสตางค์ไปใช้แค่นี้พอ ควบคุมการใช้”ด้วยวัยเป็นลุงมีหลานแล้วตัวเองเมื่อไหร่ถึงเวลาสร้างครอบครัวของตัวเอง“เอาจริงๆนะผมเป็นคนห่วงคนข้างหลัง ตัวผมเองไม่ได้คิดถึงหรืออยากมีลูก เห็นน้องมีหลานโอเค ไม่ต่างจากเป็นลูกผมเพราะผมก็ดูแลเค้ามาตั้งแต่แรกเกิดเพราะเขาไม่แข็งแรง ทุ่มเทเพื่อรักษาเขา จนตอนนี้เจ้าบุ๊คเป็นนักกีฬา นักฟุตบอล ม.ต้น เข้าทีมสโมสรของพี่กาย ฮารุ ไปคัดโดยไม่ใช้เส้นสาย ใช้ความสามารถล้วนๆ เคยบอกเขาว่าถ้าบุ๊คทำอะไรจะต้องทำด้วยความสามารถของตัวเอง บุ๊คจะภูมิใจกว่า”ทางแฟนเราเค้าเข้าใจบริบทที่เราใช้ชีวิตแบบนี้ขนาดไหน“เขามีความคิดเดียวกันกับผมด้วยวัยเราเท่ากัน อายุ 42 เราจะผ่านจุดที่ไม่ใช่จุดวัยรุ่น ถึงจุดใช้ชีวิตจริงๆ เราอยู่กันแบบไหน เราเข้าใจกันแบบไหน เข้าใจกัน อยู่ด้วยกัน เราเป็นกันทุกอย่าง เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งแฟน สามีภรรยา ให้คำปรึกษากัน ฟังกันและกัน ผมว่าสิ่งนี้ชีวิตคู่ต้องการแบบนี้ มีความเข้าใจกันและกัน เราเป็นแบบนี้ คุณเป็นแบบนี้ เราทะเลาะกันต้องหาวิธีแก้ไขเพื่ออยู่ร่วมกันไม่ใช่แก้ไขด้วยการเลิกกัน ตอนนี้เข้าใจแทบไม่ต้องคุยอะไรกัน อย่างผมทำงานหนักเขาจะเป็นฝ่ายตระเตรียมทุกอย่างไว้ให้เพราะเขารู้ว่ากินแบบไหน ยาต้องกินแบบไหน ผมแพ้อะไรบ้าง หมาแมวช่วยกันดูแล ทำความสะอาดบ้านเพราะเราไม่ได้จ้างแม่บ้าน เราทำทุกอย่างกันเอง เขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังผมทุกอย่าง เป็นลมใต้ปีกให้ผมครับ”ไม่เห็นปล่อยภาพหวานออกสื่อเลย“เขาเป็นคนที่ไม่ชอบออกสื่อ เขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลย เราผ่านจุดที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น คิดได้ว่ามันไม่จำเป็นต้องไปออกตัว ออกสื่อหรือไปโชว์อะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้ปิดบัง ใช้ชีวิตปกติ ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน” ถ้าวันนึงขาดแฟนคนนี้นึกมั้ยเราจะเป็นยังไง“เอาจริงๆถ้าไม่มีเขาผมตายไปนานแล้ว จริงๆในช่วงเวลาหลายๆอย่างที่มันยากลำบากสำหรับผมนะ การที่แบกรับภาระหลายๆเรื่องเขาเป็นคนที่ดึงสติผม เป็นกำลังใจสำคัญ”ความสุขของเจ๋งในวันนี้คืออะไร“มีหลายด้านนะ ถ้าในด้านครอบครัว เรารู้สึกว่าตอนนี้เราทำได้เกินครึ่งแล้ว เหลืออีกครึ่งที่เราอยากทำให้มันจบในฝั่งครอบครัวเราให้สมบูรณ์แบบ ผมเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนที่มีรายได้มากที่สุดเพื่อช่วยเหลือน้อง ซัพพอร์ตหลาน คือผมไม่ได้มีใคร เราก็มีกันแค่นี้ในชีวิต ตัวผมเองในชีวิตแค่มีฟูกนอนหมอนใบ มีข้าวกิน มีความสุขแล้ว”เท่าที่ฟังๆดูเป็นคนไม่ค่อยใช้เงินเลย“ผมเป็นคนที่ไม่เคยอยากใช้ จะใช้เฉพาะให้แม่หรือน้องในสิ่งที่เขาอยากได้ ต้องการที่มันจำเป็น”เหมือนเกิดมาเพื่อดูแลทุกคน“ที่ผ่านมาผมขาดแต่ตอนนี้เพียงพอแล้ว ชีวิตมันไม่มีอะไรที่ต้องการอีกแล้ว ผมผ่านมาหมดแล้ว ชีวิตมาไกลแล้ว เพราะรวยไปไม่ได้มีความสุขเสมอไป ผมอยากให้คนในครอบครัวมีความสุขมากกว่า จากที่เขาลำบากได้มีความสุข ได้มีรอยยิ้มผมว่าแค่นี้ผมตายตาหลับแล้วล่ะ” (ยิ้ม)เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยานอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่