4 ปีที่ไบเดนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ถูกวิบากกรรมทางการเมืองเล่นงานอย่างหนัก หลายคนคิดว่าทรัมป์คงม่อยกระรอก ไม่มีวันโงหัวขึ้นมาได้อีก แต่ด้วยความเป็นนักสู้ ไม่ยอมแพ้ แกฝ่าฟันทุกอุปสรรคจนกลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองได้อีกครั้งหลังพิธีสาบานตนเพียงสัปดาห์เดียว ทรัมป์ก็ชำระแค้นด้วยการสั่งให้กระทรวงยุติธรรมไล่เจ้าหน้าที่ออกนับสิบคน เจ้าหน้าที่เหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับทีมสืบสวนของอัยการพิเศษ แจ็ค สมิธ ซึ่งทำคดีทรัมป์พยายามคว่ำผลการเลือกตั้งปี 2020 ที่นำไปสู่เหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อ 6 มกราคม 2021 รวมถึงคดีจัดการเอกสารลับของทรัมป์ในจดหมายเลิกจ้างเจ้าหน้าที่เหล่านี้ระบุว่า ไม่สามารถไว้วางใจให้พวกเขาปฏิบัติตามนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ได้อย่างซื่อสัตย์ การเลิกจ้างนี้มีผลทันที และเจ้าหน้าที่มีเวลา 30 วันในการยื่นอุทธรณ์ทรัมป์ยึดคำว่า “จงรักภักดี” ในการคัดกรองคนเข้ามาอยู่วงใน และไล่ทุกคนที่เชื่อว่าไม่จงรักภักดีออกไปทั้งหมด นายแฮมตัน เดลลิงเกอร์ หัวหน้าสำนักงานที่ปรึกษาพิเศษ หรือ OSC ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรัมป์ต้องกำจัดไปให้พ้นทาง ทรัมป์มองว่าเดลลิงเกอร์เป็นคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลไบเดน ซึ่งไม่อาจไว้ใจและอาจเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายของแกสำนักงานที่ปรึกษาพิเศษเป็นหน่วยงานอิสระที่คุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการประพฤติมิชอบในหน่วยงานภาครัฐ ทรัมป์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อขออำนาจให้ปลดนายเดลลิงเกอร์ แต่ศาลฯ ได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้เดลลิงเกอร์กลับมาดำรงตำแหน่งจนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติมนับตั้งแต่ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเมื่อพฤศจิกายน 2024 ทรัมป์แต่งตั้งผู้ที่จงรักภักดีต่อแกในทุกระดับของรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานอิสระ เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทรัมป์เรียกว่า Deep State หรือรัฐซ้อน ต้องการสร้างรัฐบาลที่เป็นหนึ่งเดียวกับตัวเองการเอาคืนของทรัมป์ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง 21 มีนาคม 2025 ทรัมป์มีคำสั่งเพิกถอนการอนุมัติความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับจากบุคคลที่ระบุไว้ ทรัมป์ระบุไว้ในคำสั่งว่า “ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจว่าจะไม่เป็นประโยชน์ต่อชาติอีกต่อไปหากบุคคลต่อไปนี้จะเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ...”บุคคลที่ทรัมป์สั่งเพิกถอนฯล้วนแต่เคยมีเรื่องกับทรัมป์ทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีไบเดนและครอบครัว อดีตรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งฮิลลารี คลินตัน และแอนโทนี บลิงเคน จาคอป ซัลลิแวน (อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ) ลิซา โมนาโก (อดีตรองอัยการสูงสุด) อเล็กซานเดอร์ ไวด์แมนด์ (อดีตผู้อำนวยการฝ่ายกิจการยุโรปประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ)มาร์ค เซด (นักกฎหมายด้านความมั่นคง) แอนดรูว์ ไวซ์แมนน์ (นักกฎหมาย) นอร์แมน ไอเซิน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสาธารณรัฐเช็ก เลติเทีย เจมส์ (อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก) แอลวิน แบร็ก (อัยการเขตนิวยอร์ก เคาน์ตี) แม้แต่คนที่อยู่พรรคเดียวกันอย่างเอลิซาเบธ เชนีย์ และอดัม คินซิงเกอร์ (อดีต สส.รีพับลิกัน) และฟิออนา ฮิลล์ (อดีตที่ปรึกษาฝ่ายกิจการรัสเซียให้ทรัมป์สมัยแรก) ก็ไม่ละเว้นการสั่งเพิกถอนสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลลับล่าสุดเป็นการตอบโต้เพราะเมื่อ ค.ศ.2021 ไบเดนเคยสั่งห้ามทรัมป์เข้าถึงข้อมูลลับ โดยอ้างถึงพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ของทรัมป์ในขณะนั้น ยกเลิกสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลยังไม่พอ ทรัมป์ยังสั่งยกเลิกการคุ้มครองโดยหน่วยสืบราชการลับสำหรับลูกๆของไบเดนคือฮันเตอร์ และแอชลีย์ อีกด้วยการเพิกถอนสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลลับนี้ส่งผลให้บุคคลที่ถูกเพิกถอนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวกรองหรือสถานที่ราชการที่มีความปลอดภัยสูงได้ ซึ่งเป็นการตัดสิทธิ์ที่เคยได้รับตามธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงทรัมป์ตอบโต้ศัตรูทางการเมืองด้วยวิธีต่างๆทั้งทางตรงและอ้อม ทั้งเจ้าหน้าที่ในกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษา อัยการที่เคยเล่นงานทรัมป์ รวมทั้งสมาชิกพรรครีพับลิกันฝ่ายตรงข้ามจะโดนทรัมป์ล้างบาง ส่วนแกนกลางอำนาจจะเหลือเพียง “ผู้จงรักภักดี” ต่อทรัมป์เท่านั้นถามว่าผมเห็นด้วยไหม ขอตอบว่าเห็นด้วยครับ เพราะคนพวกนี้อาจจะขัดขวางทำให้การงานของทรัมป์ไม่ราบรื่น “ที ฮู ที อิท” ทีใครทีมัน.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม