ที่ รพ.ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ลงนามสัญญาทดสอบทางคลินิกผลิตภัณฑ์ OSSICURE Bone Graft เพื่อศึกษา เปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยกับผลิตภัณฑ์อ้างอิง Infuse Bone Graft ในการเชื่อมข้อกระดูกสันหลังส่วนเอว ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า ปัญหากระดูกสันหลัง โดยเฉพาะโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญของประชากรไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ ส่งผลให้เกิดอาการปวดคอและปวดหลังเรื้อรัง สถิติพบว่ามีประชากรทั่วโลกกว่า 403 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบ และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากถึง 104 ล้านคน การรักษาบางกรณีต้องผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง โดยใช้กระดูกจากผู้ป่วยเองหรือผู้บริจาค วิธีนี้มีข้อจำกัดทั้งเรื่องต้นทุน ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน การพัฒนา OSSICURE Bone Graft จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์สามารถใช้ทดแทนกระดูกได้ ผ่านการศึกษาในห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลอง พบว่ามีความปลอดภัย และผลข้างเคียงใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA การทดสอบทางคลินิกใช้ระยะเวลา 3 ปี เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สำหรับการใช้งานจริงรศ.ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการเอ็มเทค กล่าวว่า เอ็มเทค สวทช. ได้พัฒนา OSSICURE Bone Graft นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ฝังใน ที่ช่วยลดการใช้กระดูกของผู้ป่วยเอง ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความปลอดภัยและได้มาตรฐานนวัตกรรมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่