ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นห้วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐฯออกแอ็กชันอย่างหนัก เพื่อปูทางสู่การเจรจาหย่าศึก “ยูเครน” ที่ยืดเยื้อมานาน และมีกำหนดครบ 3 ปีเต็มในวันที่ 24 ก.พ.นี้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงจุดยืนเป็นข้อๆ พร้อมส่งพีต เฮกเซธ รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ไปปรับมุมมองขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO)โดยมีเนื้อหาสรุปได้ว่า หลังจากนี้สหรัฐฯจะเดินหน้าคุยกับ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย ให้เสร็จเรียบร้อย และยุโรปก็ควรเตรียมการที่จะดูแลตัวเอง มาหวังพึ่งสหรัฐฯแบบแต่ก่อนไม่ได้อีกต่อไปตามด้วยช่วงสุดสัปดาห์ จัดกำหนดการให้ “เจดี แวนซ์” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไปนั่งคุยกับ “โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี” ประธานาธิบดียูเครน ที่เยอรมนี ซึ่งสารก็มิได้ผิดเพี้ยนไปต่างจากเดิม รองแวนซ์กล่าวต่อผู้นำยูเครนว่า สหรัฐฯต้องการให้สงครามยุติลง สหรัฐฯต้องการให้เลิกรบราฆ่าฟันเราต้องการสันติภาพที่ “ยั่งยืน” ไม่ใช่สันติภาพระยะสั้น ที่คู่ขัดแย้งกลับมารบกันอีกเหมือนเดิมในอีก 2-3 ปีต่อมา กระบวนการหารือหลังจากนี้ เราจะมาคุยกันเรื่อยๆว่า จะทำเช่นไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวสหรัฐฯย้ำจุดยืนไปยังตัวละครที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน ทรัมป์คุยปูติน เฮกเซธคุยองค์การนาโต แวนซ์คุยเซเลนสกี เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่า หลังจากนี้อเมริกาไม่ต้องการสนับสนุนยูเครนตราบนานเท่านานอีกต่อไปจึงหนีไม่พ้นที่จะเกิดภาพฉากอันน่าสงสารของผู้นำยูเครน โดยในการหารือกับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งนี้ เซเลนสกีรีบกล่าวดักไว้ก่อนเลยว่า เราต้องรีบทำแผนการขึ้นมาเพื่อยับยั้งปูติน ขอบคุณรัฐบาลทรัมป์ที่ให้การสนับสนุนยูเครน เราหวังว่าจะไม่ใช่การคุยครั้งสุดท้ายเซเลนสกีไม่ยอมถูกอเมริกันมัดปาก ยังคงย้ำจุดยืนต่อต้านรัสเซีย พร้อมกล่าวถึงการหย่าศึกโดยใช้คำว่าฟินิช แทนที่จะเป็นคำว่าเอนด์ ซึ่งสามารถเปิดช่องให้ตีความในเชิงของชัยชนะ สะสางศึกให้เสร็จสรรพแต่สุดท้ายย่อมไม่ต่างกับการเอาเรือเล็กไปขวางน้ำเชี่ยว สหรัฐฯออกประกาศิตมาแล้วว่าจะจบสงคราม ผู้นำทรัมป์บอกกับปาก “ผมไว้ใจปูติน” การมาพูดว่าทำแผนยับยั้งปูติน ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง อย่าเอาอะไรมากเลย กระบวนการครั้งนี้ขนาดสหภาพยุโรป พันธมิตรเก่าแก่ก็ยังถูกมองข้าม แล้วประสาอะไรกับยูเครนที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะลูกไล่ของตะวันตก.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม