“โรคเรื้อน”...(Leprosy หรือ Hansen’s Disease) เป็นโรคติดต่อเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อ Mycobacterium leprae (M.leprae) เชื้อนี้ชอบอาศัยอยู่ในเส้นประสาทและผิวหนัง เมื่อร่างกายพยายามกำจัดเชื้อ เส้นประสาทจึงถูกทำลายและทำให้เกิดอาการทางผิวหนังตามไปด้วยหากไม่รีบรักษาจะทำให้เกิดความพิการของมือ เท้า และตาสถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค ระบุว่า โรคเรื้อนสามารถติดต่อได้โดยทางเดินหายใจแต่ติดต่อได้ยาก ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงสูงในการติดเชื้อโรคเรื้อนคือผู้ที่สัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการรักษา แต่หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้องภายใน 7 วัน จะไม่สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้อีกเกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพข้างต้นนี้โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก “โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคลองสน เกาะช้าง”แม้ว่าประเทศไทยจะได้รับการประกาศจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าสามารถควบคุมโรคเรื้อนได้แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 โดยมีอัตราผู้ป่วยต่ำกว่า 1 รายต่อประชากร 10,000 คน แต่ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มเสี่ยงที่เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ยาก พื้นที่ที่ยังพบการระบาดของโรคเรื้อนในประเทศไทย ภาคเหนือ... จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ... จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ภาคใต้...จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา พื้นที่ชายแดน...บริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชาซึ่ง...การเดินทางข้ามแดนทำให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคเรื้อนยังระบาด สำคัญคือการเข้าถึงบริการสาธารณสุขต่ำ พื้นที่ห่างไกลหรือชนบทที่ขาดการตรวจสุขภาพและคัดกรองโรค ถัดมา...ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคต่ำ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อและไม่ได้รับการรักษาย้ำว่า...การเดินทางข้ามพรมแดน การเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรค ที่สำคัญการตีตราทางสังคมเป็นอีกปัจจัย...ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าเข้ารับการรักษา แนวทางการควบคุมและป้องกันในพื้นที่เสี่ยง เริ่มจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก โดยทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เสี่ยง การให้ความรู้แก่ชุมชน...เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและลดการตีตราผู้ป่วย ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน...เพื่อป้องกันและควบคุมโรคตามแนวชายแดนต่อเนื่องไปถึงการติดตามและรักษาต่อเนื่อง ดูแลผู้ป่วยให้รับการรักษาจนครบถ้วนและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคเรื้อนในประเทศไทยอย่างยั่งยืน“โรคเรื้อน”...เป็นโรคติดเชื้อเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผิวหนัง ระบบประสาทส่วนปลายและเยื่อเมือกของทางเดินหายใจ เชื้อนี้มีการแพร่กระจายอย่างช้าๆ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทและผิวหนังจนถึงขั้น “พิการ” ถ้าไม่ได้รับการ “รักษา” อย่างทันท่วงที ในอดีต “ประเทศไทย” เคยประสบปัญหาโรคเรื้อนระบาดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในชนบท เนื่องจากความเข้าใจผิดและขาดความรู้ ทำให้ผู้ป่วยถูกตีตราทางสังคมและถูกกีดกันออกจากชุมชน ปัจจุบัน...ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์และการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ทำให้...อัตราการพบผู้ป่วยโรคเรื้อนลดลงอย่างมากอย่างไรก็ตาม โรคเรื้อนยังคงพบได้ในบางพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ยาก ให้รู้เอาไว้อีกว่าโรคนี้ติดต่อผ่านละอองฝอยจากการไอ จาม หรือการสัมผัสกับผิวหนังของผู้ป่วยที่มีบาดแผล แต่ต้องใช้เวลานานในการสัมผัสจึงจะติดเชื้อระยะฟักตัว...นานถึง 2–5 ปี และบางรายอาจใช้เวลานานถึง 20 ปีสำหรับอาการของโรคเรื้อน ระยะแรก...มีผื่นหรือรอยโรคบนผิวหนัง มีอาการชา ไม่รู้สึกเจ็บ ระยะลุกลาม...ผิวหนังหยาบหนา มีตุ่มนูน กล้ามเนื้ออ่อนแรง นิ้วมืองอผิดรูป ระยะรุนแรง...เสียความรู้สึกบริเวณมือและเท้า อาจเกิดแผลเรื้อรังและติดเชื้อจนถึงขั้นพิการการรักษาโรคเรื้อน...ปัจจุบันมีการรักษาโรคเรื้อนด้วยยาร่วมหลายชนิด (MDT) ซึ่งได้รับการแจกฟรีโดยองค์การอนามัยโลก การรักษาจะใช้ระยะเวลา 6-12 เดือนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ระยะแรก โรคนี้สามารถรักษาหายขาดได้แนวทางป้องกันและควบคุมโรคเรื้อน สำคัญคือการตรวจคัดกรอง ...เพิ่มการตรวจสุขภาพและคัดกรองในพื้นที่เสี่ยง บวกกับการให้ความรู้...รณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเรื้อนแก่ประชาชนเพื่อลดความกลัวและการตีตรา และการเข้าถึงการรักษา พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้นที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการติดตามผล ตรวจติดตามผู้ที่หายป่วยแล้วเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ พุ่งเป้าไปที่บทบาทของชุมชน ต้องส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเรื้อน เพื่อลดการตีตราและเลือกปฏิบัติ สนับสนุนให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง...ครบถ้วน ส่งเสริมอาชีพ...กิจกรรมในชุมชนสำหรับผู้ป่วยที่หายแล้ว ประเทศไทยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกว่าเป็นประเทศที่สามารถควบคุมโรคเรื้อนได้สำเร็จ โดยมีอัตราผู้ป่วยต่ำกว่า 1 รายต่อประชากร 10,000 คน แต่ก็ยังคงมีผู้ป่วยรายใหม่ที่ต้องได้รับการดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำ“โรคเรื้อน” ถึงจะไม่ใช่โรคที่แพร่ระบาดรุนแรงในปัจจุบัน แต่ยังคงเป็นปัญหาทางสุขภาพที่ต้องได้รับความใส่ใจ การให้ความรู้ ความเข้าใจ ลดการตีตราทางสังคม ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน “โรคเรื้อน”...จะไม่เป็นเพียงโรคแห่งอดีตแต่เป็นโรคที่สามารถกำจัดได้อย่างยั่งยืนในอนาคต.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม