ผบช.น.นำคณะผู้บังคับบัญชา รดน้ำศพ ร.ต.ท.สายไหม เตรียมปูนบำเหน็จ 5 ขั้น 4 ชั้นยศเป็น พ.ต.อ. สั่งดำเนินคดีเมีย “ช่างสันต์” มือปืนโหดอีกคนหลังช่วยผัวเอาปืนไปซ่อน ส่วนตัวผู้ต้องหาตำรวจคุมตัวทำแผนท่ามกลางเสียงสาปแช่งหวิดโดนประชาทัณฑ์ เจ้าตัวเปิดปาก “ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” ก่อนนำฝากขังศาล ขณะที่พนักงานสอบสวนระบุพฤติกรรมสุดเหี้ยมยิงไปถึง 15 นัด จ่อเล่นงานกลุ่มผู้ต้องหาที่มาด้วยกันหากพบเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิดกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป.สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้าถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้ปืน 9 มม.รัวยิงหมดแมกกาซีนกระสุนเข้าร่างกาย 7 นัดเสียชีวิต ขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาทหน้าร้านตัดผมชาย “สุชิน” เชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังก่อเหตุผู้ต้องหาหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถ จยย.ของตัวเองอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ตามที่เสนอข่าวไปนั้นความคืบหน้าเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 ม.ค. พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม พร้อมฝ่ายสืบสวน นำหมายศาลเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เลขที่ 21/26 ห้อง 3/9 ร้านซ่อม จยย.ของนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ มือปืนโหดฆ่าตำรวจตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุเพื่อหาปืนของกลาง มี น.ส.รุ่งนภา เตจะติ อายุ 44 ปี ภรรยาผู้ต้องหา นำตรวจค้น พบปืน 9 มม. ยี่ห้อ STEYR MANNLICHER M001500 ทะเบียน กท4937755 พร้อมแมกกาซีนบรรจุกระสุน 1 นัด 1 อัน แมกกาซีนบรรจุกระสุน 10 นัด 1 อัน ซ่อนอยู่ใต้ชั้นวางเครื่องมือซ่อมรถในโรงจอดรถข้างบ้านมีรายงานว่าจากการสืบสวนโดยเฉพาะวงจรปิดหลังช่างสันต์ก่อเหตุแล้วได้นำปืนให้ น.ส.รุ่งนภา ภรรยา ก่อนหลบเข้าไปอยู่ในร้าน น.ส.รุ่งนภายอมรับว่าเอาปืนไปซ่อนจริง นำตัวตรวจค้นควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ สน.สายไหม ทั้งนี้ น.ส.รุ่งนภาปฏิเสธไม่รู้สาเหตุเกิดจากอะไร ปกติช่างสันต์จะทำงานอยู่ที่บ้าน แต่หลังเกิดเหตุตนมาอยู่ที่โรงพักตั้งแต่เมื่อคืนกระทั่งเช้ามืดยังไม่ได้พูดคุยกันไม่ทราบข้อเท็จจริงต่อมาเวลา 09.00 น. ที่ สน.สายไหม พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รอง ผกก. (สอบสวน) สน.สายไหม นำนายอรรณพ หรือช่างสันต์ ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม กระทั่งเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพชี้จุดเกิดเหตุ โดยผู้ต้องหากล่าวสั้นๆว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ท่ามกลางญาติ เพื่อนๆและคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่ง มีส่วนหนึ่งปรี่จะเข้าทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ ใช้เวลาทำแผนไม่ถึง 5 นาที นำตัวขึ้นรถไปฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรีทันทีด้าน พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. กล่าวว่า บช.น.ได้ดูเรื่องเกี่ยวกับสวัสดิการเกี่ยวกับการปูนบำเหน็จให้ ร.ต.ท.บรรรัง 5 ขั้น 4 ชั้นยศ เนื่องจากเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ถูกผู้ต้องหาที่เมาเข้ามายิงเสียชีวิต จากที่ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาเมื่อคืนไม่ยอมรับว่านำปืนที่ก่อเหตุไปซุกซ่อน กระทั่งได้หลักฐานว่ามีภรรยาผู้ก่อเหตุเอาไปซ่อน สั่งการให้ สน.สายไหม ดำเนินคดีภรรยาที่ช่วยสามีอีกทอดหนึ่งพ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รอง ผกก. (สอบสวน) สน.สายไหม กล่าวว่า ผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหาแต่พฤติการณ์อุกอาจมากใช้ปืนยิงตำรวจ 15 นัด เหตุที่เกิดขึ้นได้ขยายผลถึงกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง จากข้อมูลสืบสวนคาดว่าน่าจะมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนรวมถึงบุคคลใกล้ชิดช่วยเหลือนำปืนซุกซ่อนอ้างว่ากลัวผู้ก่อเหตุจะนำไปก่อเหตุซ้ำ แต่จากการสอบสวนพยานหลักฐานข้อเท็จจริงค่อนข้างขัดแย้งกัน จะต้องสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์จะร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน” สำหรับพฤติการณ์ภรรยาผู้ต้องหาที่เอาปืนไปซ่อน เนื่องจากเข้าข่ายผิดกฎหมายจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ซ่อนเร้นอำพรางอาวุธใช้ก่อเหตุต่อไปพ.ต.ท.สราวุธกล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุการทะเลาะวิวาทจนนำไปสู่การก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุให้การว่า มีปัญหากับชายเสื้อขาวคนหนึ่งที่ไม่พอใจจากการมองหน้ากัน โดยชายเสื้อขาวที่กล่าวอ้างได้ไปพูดคุยกับ ร.ต.ท.บรรรัง กลุ่มผู้ก่อเหตุเดินเข้าไปสอบถามแต่กลับมีปากเสียงกัน อ้างว่า ร.ต.ท.บรรรังพยายามชักปืนยิงใส่ จึงใช้ปืนที่พกมาป้องกันตัวแต่การป้องกันตัวด้วยการยิงปืนถึง 15 นัด เป็นการทำเกินกว่าเหตุ ส่วนชายเสื้อขาวที่ถูกกล่าวอ้างระบุว่าเป็นชายชาวเมียนมาก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถติดตามตัวหรือระบุตัวตนได้แต่ฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดในพื้นที่ไว้ครบทั้งหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มีรายงานว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งรีบไปตรวจสอบ พบ ร.ต.ท.บรรรัง นอนจมกองเลือดอยู่หน้าร้านตัดผม ใกล้กันพบนายอรรณพ หรือช่างสันต์ยืนอยู่ มีผู้ที่อยู่บริเวณเกิดเหตุชี้ว่าเป็นคนยิงและยังมีผู้อยู่ร่วมในการก่อเหตุด้วย 3 คน เป็นเพื่อนรุ่นน้องช่างสันต์ 2 คน และหลานชายวัย 15 ปีอีก 1 คน ชุดจับกุมควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบปากคำจากการสอบสวนประมวลเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.รุ่งนภา เตจะติ แฟนสาวนายอรรณพ โทร.ไปหาลูกพี่ลูกน้องว่านายอรรณพมีเรื่องให้มาช่วยหน่อย ลูกพี่ลูกน้องช่างสันต์ให้ทั้ง 3 คนขี่รถ จยย.ไปช่วย นายอรรณพได้ขี่รถ จยย.วนไปมาบริเวณที่ก่อเหตุหนึ่งรอบแล้วกลับมาจอดริมฟุตปาทที่ ร.ต.ท.บรรรังนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อน นายอรรณพเข้าไปถาม ร.ต.ท.บรรรังว่าชายเสื้อขาวมาพูดอะไร ร.ต.ท.บรรรัง ตอบว่ามันพม่าพูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องจะไปเอาอะไรกับเด็กมันจึงมีปากเสียงกัน ผู้ตายบอกว่าเป็นตำรวจขณะผู้ก่อเหตุก็ทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจ แต่นายอรรณพยังโมโหด่า ร.ต.ท.บรรรัง พูดว่ามึงใหญ่มากหรือก่อนชักปืนที่พกมายิงใส่ ร.ต.ท.บรรรังจนหมดแมกกาซีนก่อนถูกจับกุมต่อมาเวลา 14.15 น. ที่แผนกนิติเวช รพ.ภูมิพล นางนิตยา เกษาพร อายุ 52 ปี อาจารย์สอนโรงเรียนโชคชัย รังสิต ภรรยา ร.ต.ท.บรรรัง พร้อมญาติพี่น้อง รวมทั้ง พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม และเพื่อนตำรวจ สน.สายไหม นิมนต์พระวัดเกาะเดินทางมารับศพ ร.ต.ท.บรรรัง ท่ามกลางความโศกเศร้านางนิตยากล่าวด้วยความเสียใจว่า อยู่กินกับผู้ตายมา 25 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน สามีเป็นคนตั้งใจทำงานเมื่อวานทราบข่าวร้ายรีบเดินทางจากย่านเมืองเอก รังสิต พบว่าสามีถูกนำส่งโรงพยาบาลปั๊มหัวใจช่วยก่อนเสียชีวิต ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรแต่ทราบว่าสามีแสดงตัวเป็นตำรวจแล้ว และยังใส่ชุดครึ่งท่อนคนร้ายยังก่อเหตุ ถูกจับไปที่โรงพักยังยิ้มให้กล้องไม่มีสีหน้าสลด ข่าวบางสำนักยังเสนอข่าวสามีไปในทางไม่ดี ขอให้เสนอความจริงคนตายไม่สามารถพูดได้ ส่วนผลชันสูตรสามีถูกยิงตามร่างกายกว่า 10 นัด คาดว่านัดแรกเข้าหลัง ส่วนนัดอื่นๆกระจายตามร่างกาย จากนั้นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างออกจากโรงพยาบาลไปเชิญวิญญาณผู้ตายต่อไป มีรถยนต์สายตรวจ สน.สายไหม เปิดสัญญาณไฟนำขบวนต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ศาลาเติม-อารี ทรัพย์สมบูรณ์ วัดสายไหม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พล.ต.ท. สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.พลฑิต ไชยรส รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 เพื่อนตำรวจ และญาติๆผู้เสียชีวิต ได้ร่วมกันทำพิธีรดน้ำศพ ร.ต.ท.บรรรัง บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าพล.ต.ท.สยามกล่าวว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานกระทั่งจับกุมคนร้ายได้ ในส่วนนี้ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ได้ลงมาดูด้วยตัวเอง พร้อมเรียกกองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ส่วนเรื่องการสอบสวนมีการระดมพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานต่างๆหลักฐานต่างๆเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ ส่วนมูลเหตุจากการสอบถามผู้ต้องหานั่งดื่มสุราอยู่ก่อนแล้วทะเลาะกับคนพม่าคนหนึ่ง โดยชาวพม่าได้วิ่งมาขอความช่วยเหลือจากผู้ตายแต่พูดกันไม่รู้เรื่อง ส่วนผู้ต้องหาพอตามมาเห็นว่าชายพม่ารายนี้มาขอความช่วยเหลือ เลยเข้ามาซักถามพร้อมต่อว่า ผู้ตายได้แสดงตัวเป็นตำรวจ และคาดว่าผู้ตายน่าจะไม่เห็นว่าผู้ต้องหามีปืนมาด้วย บอกไปอีกว่าถ้าเมาก็กลับบ้านไป โดยที่มาด้วยกับผู้ก่อเหตุพยายามพากลับแต่ก็ไม่ยอม และวิ่งกลับมาใช้ปืนยิงจนเสียชีวิตอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่