สงครามยูเครน-รัสเซียถือเป็นตำราการรบสำคัญที่ฝ่ายความมั่นคงทั่วโลกควรถอดบทเรียน เพราะนอกจากจะเป็นตัวชี้วัดถึงประสิทธิภาพของกองทัพในยุคปัจจุบันว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆที่นำเข้าประจำการกันอยู่ ใช้งานจริงได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวตามสถานการณ์ของทหารในสนามรบ เพื่อหาทางเอาชนะ หรือสร้างความได้เปรียบเหนืออีกฝ่ายด้วยเช่นกันโดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานที่น่าสนใจว่า “โดรนพิฆาต” หรือคามิเคเซโดรนที่ใช้กันเกลื่อนสมรภูมิได้ถูกอัปเกรดไปอีกขั้น เพื่อหลบหลีกเทคโนโลยีสงครามอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ตัดคลื่นวิทยุที่ส่งผลให้สัญญาณขาดหาย โดรนร่วงหล่นหรือพลาดเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ไม่ใช่เป็นการปรับปรุงที่เกิดจากแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์หรือเสนาธิการขององค์การต่างๆหลังแนวรบ แต่เป็นฝีมือของทหารรัสเซียในแนวหน้าที่นำเทคโนโลยีพลเรือนมาใช้งาน ภายใต้คอนเซปต์ว่า ในเมื่อสัญญาณวิทยุคือตัวแปร ที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ล่วงหน้าว่ากำลังมีโดรนมาจากทิศทางใด หรือทำการกวนสัญญาณให้โดรนใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งานมันอีกต่อไปแก้ปัญหาด้วยการติดตั้ง “สายใยแก้วไฟเบอร์ออปติก” เส้นบางๆที่มีความยาวกว่า 10 กิโลเมตร เท่านี้การบังคับโดรนพุ่งใส่เป้าหมาย ก็จะไม่เกิดปัญหาจอดับไปเสียก่อน สามารถเลือกได้ตามใจชอบว่าจะบังคับโดรนเข้าชนจุดอ่อนส่วนไหนของยานเกราะหรือรถถัง ไม่ว่าจะเป็นห้องเครื่อง ส่วนเก็บกระสุน หรือห้องพลขับไม่มีแล้วที่จะต้องมา “คาดคะเน” หรือคำนวณล่วงหน้าว่า เส้นทางการพุ่งชนหลังจอดับควรจะมีทิศทางเช่นไร เพราะภาพชัดใสปิ๊งไปจนวินาทีสุดท้าย ซึ่งเรื่องนี้เหล่าทหารยูเครนในแนวหน้าบางส่วนยอมรับว่า ยังนึกไม่ออกว่าจะรับมือเช่นไร เพราะถึงสายไฟเบอร์ออปติกจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้โดรน ส่งผลให้ติดตั้งหัวรบหรือวัตถุระเบิดได้น้อยลง อีกทั้งยังมีระยะทำการสั้นลงตามความยาวของสาย แต่สุดท้ายข้อได้เปรียบคือตรวจจับไม่ได้ กวนสัญญาณไม่ได้ และมีความแม่นยำเสียจนน่าปวดหัว.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม