หลายจังหวัดภาคเหนือเจอน้ำป่าจากดอยสูงถาโถมไม่หยุด ล่าสุดหลายอำเภอในเชียงใหม่ น้ำป่าจาก “ดอยสะเมิง-ดอยสุเทพ-ปุย” หลากเข้าถล่ม ขณะที่ “ห้างฉัตร ลำปาง” อ่วมหนักเจอน้ำป่าจากดอยขุนตาล จู่โจมกลางดึก ซัดทั้งคนและบ้านหายวับ ล่าสุดพบเสียชีวิตแล้ว 2 ศพ บาดเจ็บ 3 ราย ความเสียหายเพียบ ตามด้วยดินสไลด์บริเวณหน้าปากทางเข้าอุโมงค์ขุนตาน-น้ำป่าเซาะหินรองราง การรถไฟฯต้องประกาศหยุดเดินรถชั่วคราว “ลำปาง-เชียงใหม่” ส่วน “พิษณุโลก” ไม่น้อยหน้า มวลน้ำจ่อลง “พิจิตร” ด้วยหลังจากประเทศไทยตอนบนมีฝนตกต่อเนื่องมาตลอดสุดสัปดาห์ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมถนนบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตร และบางจุดมีดินโคลนที่มากับน้ำถล่มปิดทับเส้นทาง สร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ประสบอุทกภัยเดิมน้ำจากดอยทะลักท่วมเชียงใหม่ผู้สื่อข่าวรายงานผลจากหลายพื้นที่ใน จ.เชียงใหม่ มีฝนตกต่อเนื่องตลอดคืนวันที่ 22 ก.ย.ต่อเนื่องถึงวันที่ 23 ก.ย. ทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังเนื่องจากการระบายน้ำไม่ทัน ไหลเข้าท่วมในหลายอำเภอ อาทิ อ.หางดง น้ำป่าจากแม่น้ำแม่ท่าช้าง ที่ไหลเอ่อลงจากดอยสะเมิงและไหลรวมกันลงท่วมพื้นที่ราบบริเวณบ้านช่างคำ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน ร้านค้าริมทาง ไหลท่วมถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ขาเข้าเมืองฝั่งตะวันตก ตรงข้ามกาดฝรั่ง พ่อค้าแม่ค้า ที่ขายของริมทางบริเวณจุดดังกล่าว เร่งนำกระสอบทรายมาวางหน้าร้าน เพื่อป้องกันน้ำท่วม ขณะที่บางร้านอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร ปีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่น้ำท่วม โดยนายชลิต ทิพย์คำ นายอำเภอหางดง กำลังทุกหน่วยงานเข้ามาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนน 108 บริเวณหน้ากาดฝรั่ง เร่งระบายน้ำ รวมถึงเข้าอพยพผู้ป่วยติดเตียงในหมู่ 1 ต.หางดง ออกมายังจุดปลอดภัย ขณะเดียวกันมีน้ำเอ่อล้นเข้าไปยังบ้านเรือนและที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่ หมู่ 3 และหมู่ 13 ต.บ้านแหวน เทศบาลตำบลบ้านแหวนเชียงดาว-สารภี น้ำขยายวงกว้างส่วนที่ อ.เชียงดาว เกิดฝนตกหนัก ทำให้ฝายวังฮาย ที่สร้างด้วยไม้ไผ่ ที่บ้านม่วงฆ้อง ต.เชียงดาว รับน้ำไม่ไหวพังลง ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเป็นวงกว้าง ทั้งใน ต.ทุ่งข้าวพวง น้ำท่วมขังในพื้นที่บ้านห้วยเป้า หมู่ที่ 1 และบ้านทุ่งข้าวพวง หมู่ที่ 3 ทางอำเภอเชียงดาว ร่วมกับนายกเทศบาลตำบลทุ่งข้าวพวง กำนันตำบลทุ่งข้าวพวง ทหาร และ ตชด.ที่ 335 ร่วมทำพนังกั้นน้ำไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่ชุมชน และที่ ต.เมืองงาย เกิดน้ำท่วมขังบนถนนหน้าเทศบาลตำบลเมืองงาย ทำให้เส้นทางจราจรสามารถใช้งานได้เพียงช่องทางเดียว นอกจากนี้น้ำป่ายังไหลทะลักเข้าท่วมที่บ้านขุนห้วยไส้ บ้านห้วยไส้ หมู่ที่ 7 ต.เมืองนะ แต่ล่าสุดน้ำลดลงแล้ว เช่นเดียวกับ อ.สารภี น้ำล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนเป็นวงกว้างในหมู่ที่ 1, 2, 3, 4, 6, 7, 8, 9 และ 10 รวมทั้งโรงเรียนชุมชนวัดปากกอง ต้องปิดการเรียนการสอน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันนำกระสอบทรายมากั้นน้ำและเร่งระบายน้ำออก ขณะเดียวกัน ตำบลหนองแฝก เกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังค่อนข้างสูง และน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ หมู่ที่ 1, 2, 3 และ 4 บริเวณน้ำกวง สะพานโป่งช้างคต เขตติดต่อหมู่ที่ห้าบ้านทุ่งขี้เสือ ตำบลชมภู และระดับน้ำมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากฝนตกต่อเนื่องน้ำป่าท่วมวัดซัดโลงเย็นลอยขณะที่ อ.แม่ริม เกิดฝนตกหนักบนอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย ทำให้น้ำไหลลงสู่ลำห้วยแม่สาจำนวนมากและรุนแรง ผ่านปางช้างแม่สา ที่มีช้างเลี้ยงกว่า 60 เชือก ต้องนำช้างขึ้นสู่ที่สูง และปิดปางช้างทันทีเนื่องจากน้ำท่วมสะพานทางเข้าปางช้าง และไหลลงสู่ตัวเมืองแม่ริม เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จำนวน 6 ตำบล 9 หมู่บ้าน ดังนี้ ตำบลแม่แรม หมู่ที่ 1, 2, 5, 6 ตำบลริมใต้ หมู่ที่ 6 ตำบลริมเหนือ หมู่ที่ 2 ตำบลขี้เหล็ก หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยทราย หมู่ที่ 4 ตำบลโป่งแยง หมู่ที่ 2 โดยเฉพาะที่บ้านแม่แรม หมู่ 6 อ.แม่ริม เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเข้าช่วยอพยพผู้ป่วยติดเตียง คนพิการประชาชนออกจากพื้นที่ ขณะที่บ้านป่าแหว หมู่ 3 ตำบลแม่แรม เมื่อช่วงสาย เกิดน้ำป่าลำห้วยแม่แรม ไหลทะลักลงลำห้วย จนล้นฝั่ง ไหลท่วมบ้านทุ่งนา วัด และรีสอร์ต ชาวบ้านเก็บข้าวของขึ้นไว้ที่สูงไม่ทัน เนื่องจากเป็นน้ำป่าที่ไหลลงจากเขา จากน้ำตกตาดหมอก ซึ่งเป็นขุนน้ำของลำห้วยแม่แรม ชาวบ้านรวมทั้งเจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลแม่แรมได้นำรถตัก รถฉีดน้ำ รถกระเช้าตัดต้นไม้ที่หักโค่นริมทาง โดยเฉพาะที่วัดคีรีบรรพตเป็นวัดประจำหมู่บ้านป่าแหว น้ำไหลทะลักท่วมทั้งวัดและศาลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลงเย็นที่ใช้สำหรับเก็บศพ น้ำได้พัดเอาไปติดตรงหอประชุม โชคดีที่ไม่ไหลไปกับน้ำและโชคดีกว่านั้นที่ยังไม่มีงานศพเสียหายหนักสุดในรอบกว่า 40 ปีจากการเปิดเผยของหลวงพ่ออินถา อายุ 71 ปี พระลูกวัดระบุว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่น้ำป่าไหลแรงและสร้างความเสียหายให้กับชาวบ้าน รวมทั้งวัด มากที่สุดนับตั้งแต่พ.ศ. 2524 โดยขณะเตรียมฉันเพล จู่ๆมีน้ำป่าไหลท่วมเข้าทางหลังวัดทะลุกำแพง ทะลุศาลา ไม่สามารถเก็บอะไรไว้ขึ้นที่สูงได้ เกิดความเสียหาย มีทั้งโคลน และกิ่งไม้เต็มไปหมด ต้องระดมชาวบ้าน เจ้าหน้าที่เทศบาล เข้ามาช่วยเหลือ ส่วนสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากยังมีฝนตกอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าน้ำจะแห้งไปแล้วก็ตาม ขณะที่นายสมบูรณ์ ลอยมา ผู้ใหญ่บ้าน ยืนยันว่าน้ำป่าครั้งนี้ ทะลักรวดเร็วเนื่องจากฝนตกไม่หยุด ตั้งแต่คืนที่ผ่านมา แม้ว่าน้ำจะแห้งแล้วแต่ยังวางใจไม่ได้เพราะเป็นน้ำป่าที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ส่วนความเสียหาย ณ ขณะนี้ มีรีสอร์ต 3 หลัง วัด บ้านเรือนชาวบ้านกว่า 11 หลังคาเรือน เสียหายทั้งหมด ส่วนนายวัชระ เทพกัน นายอำเภอแม่ริม กล่าวว่า เวลา 11.00 น. มีรายงานน้ำป่าหลากลงสู่แม่น้ำแม่สาและแม่น้ำแม่แรม เอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนสองฝั่งน้ำ ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือหมู่บ้านห้วยโจ้และหมู่บ้านป่าม่วง ตำบลริมใต้ มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมแล้วราว 200 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และฝนยังคงตกมาอย่างต่อเนื่อง“แม่วาง-ดอยเต่า” เจอฝนหนักไม่ต่างจาก อ.แม่วาง หลังฝนตกมาตลอดคืน ทำให้เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมและน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 ต.บ้านกาด ที่เกิดตลิ่งทรุด เบื้องต้นนายอำเภอแม่วางได้จัดกำลังฝ่ายปกครองอำเภอแม่วาง สมาชิก อส.อ.แม่วางที่ 23 ฝ่ายปกครองตำบลบ้านกาด ร่วมเจ้าหน้าที่ อบต.บ้านกาด และ ทต.แม่วาง เจ้าหน้าที่มูลนิธินพรัตน์ เข้าช่วยเหลือย้ายผู้ป่วยติดเตียงและช่วยขนย้ายสิ่งของชาวบ้านไว้ที่สูง ส่วนพื้นที่หมู่ที่ 7 เป็นพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากลำน้ำแม่วาง ทาง อบต.บ้านกาด ฝ่ายปกครองตำบลบ้านกาด และจิตอาสาได้วางแนวกระสอบทรายป้องกันมวลน้ำ และกำจัดเศษไม้ที่กีดขวางทางน้ำ เช่นเดียวกับ อ.ดอยเต่า ที่เกิดพายุฝนตกหนัก ทำให้กำแพงหินวัดบ้านสันติสุข ต.มืดกา เกิดทรุดตัวเสียหายจำนวนมากน้ำป่าถล่มห้างฉัตรอ่วมขณะเดียวกันที่ จ.ลำปาง มีฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล อ.ห้างฉัตร ทำให้เมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 23 ก.ย.เกิดน้ำป่าไหลหลากในเขตพื้นที่ ต.เวียงตาล บ้านแม่ตาลน้อย และบ้านปางปง-ปางทราย ส่งผลมีดินสไลด์ต้นไม้ใหญ่ ล้มขวางถนนทางเข้าหมู่บ้าน รถผ่านไม่ได้ช่วงกิโลเมตรที่ กม. 8-9 ขณะที่หมู่บ้านแม่ตาลน้อย ถนนไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากน้ำในลำห้วยเอ่อล้นเข้าท่วมถนนความสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณถนนลอดสะพานข้ามรถไฟบ้านปางปง และสถานีรถไฟแม่ตาลน้อย บริเวณทางลอด มีน้ำท่วม เป็นน้ำป่าที่ไหลแรงและเร็ว ระดับน้ำป่าสูงประมาณ 2 เมตร เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างลำปางพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากน้ำป่าซัดจำนวน 2 ราย การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากรถไม่สามารถผ่านได้ต้องลำเลียงเปลสนาม และเดินลุยข้ามน้ำป่าที่ไหลหลากและไหลเร็ว ขณะเดียวกันบริเวณสะพานปูนข้ามลำห้วยแม่ตาลพื้นที่แม่ตาลน้อย ถูกน้ำป่าซัดสะพานขาด ส่วนหมู่บ้านปางปง-ปางทราย ลำห้วยมีน้ำท่วมสูงประมาณ 3-5 เมตร โดยมีรายงานบ้าน 1 หลังสูญหายไปกับน้ำและเจ้าของบ้านคือป้าน้อย อายุประมาณ 80 ปี สูญหาย ถือว่าเป็นอุทกภัยที่หนักสุดในรอบ 50 ปีต้านน้ำไม่ไหวซัดหญิงจมต่อหน้าจากนั้นในเวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจความเสียหายที่หมู่บ้านห้วยเรียน หมู่ที่ 7 ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร พบร่องรอยความเสียหายของบ้านเรือนและพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากถูกมวลน้ำป่าซัดอย่างแรง ทำให้ต้นไม้รั้วบ้านพัง ทั้งนี้ นายไว วันพรมมินทร์ อายุ 62 ปี ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่าเมื่อช่วงประมาณตี 2 ที่ผ่านมา กระแสน้ำป่าไหลมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ชาวบ้านหลายคนพยายามขนข้าวของหนี แต่สุดท้ายต้องยอมทิ้งหมดและวิ่งหนีระหว่างนั้นกำแพงของชาวบ้านซึ่งต้านน้ำไว้ไม่อยู่ได้พังลงมาก่อนที่จะพัดร่างของผู้สูญหายไป ท่ามกลางความตกใจของชาวบ้าน ตอนนั้นตนเองคว้ามือชาวบ้านคนหนึ่งเอาไว้ได้ และสถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่มาก่อน ระดับน้ำสูงตั้งแต่เมตรจนถึง 2 เมตรกว่าสังเวยน้ำป่าตาย 2 เจ็บ 3ด้านนายสังเวียน ปิ่นใจล่า อายุ 54 ปี สามีของนางเทียน ทำมะโจก ผู้สูญหายไปกับสายน้ำ เปิดเผยว่า ตอนน้ำป่าทะลักเข้ามา ตอนแรกน้ำยังไม่มาก แต่ต่อมาน้ำไหลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ให้ภรรยาวิ่งหนีเอาตัวรอดก่อน ตนตามมาทีหลัง กระทั่งมาถึงที่ปลอดภัย ปรากฏว่ามีคนบอกว่าภรรยาระหว่างที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดนั้นปรากฏว่าน้ำป่า ซึ่งรุนแรงมากได้ซัดกำแพงรั้วปูนของชาวบ้านพังลงมาก่อนที่จะพัดร่างของภรรยาหายไป ด้านนายนิวัฒน์ ประละมา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเวียงตาล เปิดเผยว่าขณะนี้เท่าที่ทราบมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่ไหลไปกับน้ำคือ หญิงวัย 50 ปี ที่บ้าน ห้วยเรียน 1 ราย และหญิงสูงอายุ ชาวบ้านบ้านปางปง-ปางทราย ถูกน้ำไหลพัดไปพร้อมกับบ้าน และไปเจอศพที่เขตบ้านแม่ตาลน้อย นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลห้างฉัตรแล้ว นอกจากนี้ ดินยังสไลด์ขวางทางรถไฟที่บริเวณเขตดอยขุนตาลทำให้รถไฟไม่สามารถผ่านได้ชาวบ้านเผยนาทีเฉียดตายกระทั่งเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีคนพบศพนางเทียน ทำมะโจก อายุ 52 ปี ชาวบ้านห้วยเรียน หมู่ที่ 7 ต.เวียงตาล ไหลกับไปน้ำป่า ขณะที่พากันวิ่งหนีตาย โดยร่างของนางเทียนไหลไปกับน้ำป่าไปติดอยู่กับกอไผ่บริเวณหมู่บ้านปางม่วง ต.ห้างฉัตร ห่างจากบ้านจุดที่เกิดเหตุประมาณ 5 กม. ขณะที่หลายหน่วยงานระดมกำลังไปที่บ้านปางปง-ปางทราย หมู่ที่ 9 ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร เป็นจุดที่ได้รับความเสียหายมากอีกหมู่บ้านหนึ่ง และเป็นหมู่บ้านที่นางเสมอ สุกใส อายุ 72 ปี ถูกน้ำป่าซัดหายไปกับบ้าน โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมู่บ้านดังกล่าวอยู่ติดลำน้ำแม่ตาลน้อย และเมื่อคืนน้ำป่าไหลเชี่ยวกราก ชาวบ้านแทบไม่ทันตั้งตัว เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว โดยนางบัวคำ สุกใส อายุ 52 ปี น้องสะใภ้นางเสมอเปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุตอนแรกน้ำยังมาไม่มาก ตนเรียกผู้ตายให้ออกจากบ้าน แต่เขาไม่ออกมา ตนจะเข้าไปหา ระหว่างนั้นมวลน้ำป่าไหลทะลักมาทำให้บ้านของผู้ตายและผู้ตายไหลไปกับน้ำป่า ส่วนตนไหลไปกับน้ำป่าเหมือนกัน แต่โชคดีไปติดที่ต้นฉำฉา จึงปีนขึ้นไปเพื่อเอาตัวรอดมาได้เจอศพยายถูกน้ำพัดไกลต่อมา นายธีระพงษ์ คำอ้าย ผู้ใหญ่บ้านเวียงตาลน้อย หมู่ 8 ต.เวียงตาล ได้รับแจ้งว่า มีลูกบ้านไปเจอศพของหญิงสูงวัยที่ถูกน้ำป่าพัดจากบ้านปางปง-ปางทราย ไหลมากับน้ำป่าระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร มาติดค้างบริเวณเสาไฟฟ้ากลางหมู่บ้าน ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ ต.เวียงตาล และตำบลปงยางคก อ.ห้างฉัตร ได้รับผลกระทบเกือบ 2,000 ครัวเรือน และยังมีพื้นที่บ้านม้าเหนือ ม้ากลาง ม้าใต้ ในพื้นที่เกาะคาอีกจำนวนมากที่น้ำกำลังเข้าท่วมสูงอยู่ เบื้องต้นโดยรวม มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นางเทียน ทำมะโจก อายุ 52 ปี ชาวบ้านห้วยเรียน ม.7 ต.เวียงตาล และนางเสมอ สุกใส อายุ 72 ปี ชาวบ้านปางปง-ปางทราย ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย บ้านเสียหายหลายหลังและทรัพย์สินของชาวบ้านอีกจำนวนมากอยู่ระหว่างการสำรวจของเจ้าหน้าที่รถไฟงดเดินรถลำปาง-เชียงใหม่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากน้ำป่าและดินสไลด์บริเวณหน้าปากทางเข้าอุโมงค์ขุนตาน และน้ำป่าเซาะหินรองราง ช่วงระหว่างสถานีแม่ตานน้อย-ขุนตาน-ทาชมภู ทำให้ทางรถไฟเสียหายหลายจุด เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ในวันที่ 23 ก.ย.การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกาศงดเดินรถในเส้นทางสายเหนือ ช่วงระหว่างสถานีลำปาง-เชียงใหม่ ชั่วคราวเพื่อเร่งซ่อมแซมทางให้กลับมาใช้ได้ปกติ พร้อมช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบโดยจัดรถยนต์ให้บริการจากสถานีลำปางไปยังสถานีลำพูน และสถานีเชียงใหม่ ส่วนการซ่อมแซม คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการไม่น้อยกว่า 3 วัน หากไม่มีฝนตกหรือน้ำป่าไหลหลากเพิ่มเติม นอกจากนี้ มีการปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทาง ขบวนรถโดยสารภาคเหนือเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะซ่อมแซมเสร็จ จำนวน 12 ขบวน ดังนี้ 1.รถเร็วขบวนที่ 109/102 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็นกรุงเทพอภิวัฒน์-ลำปาง-กรุงเทพอภิวัฒน์ 2.รถด่วนขบวนที่ 51/52 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็นกรุงเทพอภิวัฒน์-ลำปาง-กรุงเทพอภิวัฒน์3.รถด่วนพิเศษขบวนที่ 7/8 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์-ลำปาง-กรุงเทพอภิวัฒน์ 4.รถด่วนพิเศษขบวนที่ 9/10 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็น กรุงเทพอภิวัฒน-ลำปาง-กรุงเทพอภิวัฒน์ 5.รถด่วนพิเศษขบวนที่ 13/14 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์-ลำปาง-กรุงเทพอภิวัฒน์ 6.รถท้องถิ่นขบวนที่ 407/408 นครสวรรค์-เชียงใหม่- นครสวรรค์ ปรับเปลี่ยนเป็น นครสวรรค์-ลำปาง-นครสวรรค์น้ำล้นตลิ่งพิษณุโลกไม่รอดผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ผลจากฝนตกหนักยังเกิดน้ำป่าไหลหลากในอีกหลายจังหวัด โดยที่ จ.พิษณุโลก จากปริมาณฝนตกในพื้นที่ต้นน้ำทำให้น้ำในคลองชมพูเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และโรงเรียนบ้านน้ำปาด โรงเรียนวัดปลวกง่ามหมู่ 5 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง ตั้งแต่ช่วงกลางดึกต่อเนื่องเช้า ต้องประกาศหยุดเรียนเร่งด่วน อบต.ชมพู เร่งนำเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรช่วยทำความสะอาดโรงเรียนบ้านน้ำปาด ที่ระดับน้ำลดลงแล้วและช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่บ้านปลวกง่ามและบ้านซำรัง รวมถึงมีการอพยพประชาชน หมู่ที่ 3 ต.ชมพู ไปอยู่ที่ศูนย์อพยพหรือศาลาวัดบ้านชมพู ส่วนที่โรงเรียนบ้านน้ำปาด หมู่ 2 ต.ชมพู ถูกน้ำป่าที่ไหลลงมาจากเขารักไทยเข้าสู่คลองน้ำปาดด้วยปริมาณมาก จนน้ำล้นคลองเข้าท่วมโรงเรียนตั้งแต่ช่วงเวลาตี 3 ระดับน้ำสูงกว่า 1.5 เมตร แม้ระดับน้ำได้ไหลผ่านลงไปสู่พื้นที่ต่ำในเวลาต่อมา แต่ก็ปิดการเรียนการสอนระดับชั้นอนุบาลในช่วงเช้า และสลับให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้มาเรียนได้ในช่วงบ่าย และประสานขอรถน้ำจาก อบต.ชมพู มาทำความสะอาดพื้นอาคารเรียนและโรงอาหาร นายพงษ์ภัทร์ ยอดเพชร ผอ.โรงเรียนบ้านน้ำปาด เปิดเผยว่า ปีนี้น้ำป่าจากเทือกเขารักไทยหลากลงมาท่วมโรงเรียนเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยแต่ละครั้งเมื่อน้ำท่วมจะไหลผ่านไปเร็วมวลน้ำจ่อลงท่วมพิจิตรสำหรับมวลน้ำก้อนนี้จะไหลไปเข้าพื้นที่ ต.พันชาลี อ.วังทอง และ ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ก่อนไหลไปลงแม่น้ำน่านในพื้นที่ จ.พิจิตร ทำให้ชาวนาบางรายที่อยู่ใกล้กับพื้นที่น้ำท่วมตัดสินใจจ้างรถเกี่ยวข้าวมาเกี่ยวข้าวหนีน้ำหลาก ถึงแม้ว่าต้นข้าวจะมีอายุไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็ตาม แต่สุดท้ายต้องยอมหยุดเกี่ยวเพราะระดับน้ำเพิ่มขึ้นเร็วมากเร่งเคลียร์โคลนชุมชนถ้ำผาจมส่วนการฟื้นฟูพื้นที่ชุมชนถ้ำผาจม ม.1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นชุมชนที่รับน้ำเป็นชุมชนแรก ตอนนี้มีการระดมกำลังกันเข้าไปช่วยชาวบ้านทำความสะอาด นำดินโคลนออกมาจากบ้าน ก่อนที่จะนำเครื่องจักรไปนำดินโคลนที่ถูกนำออกมาวางกองตามถนนออกมา ความคืบหน้าการทำงานจากการสำรวจความเสียหายที่ชุมชนถ้ำผาจมมีพื้นที่ความเสียหาย 54,000 ตร.ม. เป็นถนน 1,100 ม. และบ้านเรือนประชาชน 170 หลังคาเรือน ปัจจุบันมีการทำแนวคันดินรอบชุมชนเสริมบิ๊กแบ็ก 4 ชั้น จำนวน 4 จุด แต่ละจุดยาวประมาณ 400 ม. กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ สามารถวางบิ๊กแบ็กไปแล้ว 3,000 ใบ เหลืออีกประมาณ 2,000 ใบ ส่วนปริมาณดินโคลนที่ทับถมอยู่ในโซนนี้บางจุดสูง 3 ม. คิดเป็นปริมาณดินโคลนทั้งหมด 160,000 ลบ.ม. มีการเตรียมพื้นที่รองรับดินโคลนไว้ 4 จุด ทางชุดทำงานวางแผนช่วยชาวบ้านนำดินโคลนออกมาจากบ้านก่อน และนำเครื่องจักรเข้าเคลียร์ถนนซ้ำอีกรอบเวียงป่าเป้าจ่อน้ำทะลักเพิ่มขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำลาวที่ไหลผ่าน อ.เวียงป่าเป้า เอ่อล้น และเข้าท่วมบ้านเรือนพื้นที่ 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านป่าสัก บ้านสันปูเลย ต.ป่างิ้ว, บ้านเฟยไฮ บ้านสัน บ้านสันต่อ ต.บ้านโป่ง และบ้านป่าบง ต.เวียง มีบ้านเรือนริมฝั่งได้รับผลกระทบประมาณ 30 หลังคาเรือน ขณะที่ช่วงสาย ปภ.จ.เชียงรายแจ้งว่าสถานีเตือนภัยล่วงหน้าที่บ้านป่าซางพัฒนา ม.15 ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า ตรวจพบปริมาณน้ำฝนสะสม 12 ชั่วโมง ว่าอยู่ที่ 96 มิลลิเมตร และที่บ้านร้อง ต.เจดีย์ใหม่ ในเวลา 10.15 น.วันเดียวกัน ว่ามีปริมาณ 89.5 มิลลิเมตร และยังมีเมฆปกคลุมและฝนตกอย่างต่อเนื่อง จึงอาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในบริเวณดังกล่าวอีสานยังจมน้ำหลายจังหวัดสำหรับสถานการณ์แม่น้ำโขง พบว่าหลายจังหวัดระดับน้ำในลำน้ำโขงล้นตลิ่ง ส่งผลลำน้ำสาขาล้นทะลักน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนในหลายพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ชาวบ้านริมห้วยบังโกย หมู่ 8 ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบแล้ว 6 หลังคาเรือน บ้านผาชัน ต.สำโรง อ.โพธิ์ไทร ถูกน้ำโขงท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้านจนเป็นเกาะ ผวจ. นายอำเภอ อุทยานแห่งชาติผาแต้มต้องรุดช่วยเหลือ พร้อมนำเรือไปช่วยชาวบ้านอพยพออกมาอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ส่วน จ.เลย ทุกพื้นที่มีฝนตกตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา น้ำป่าไหลลงจากภูเขาลงแม่น้ำลำห้วย เอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยที่บ้านผาเจริญ ต.ท่าสะอาด อ.นาด้วง น้ำป่าไหลหลาก ลงเข้าท่วมหมู่บ้าน ระดับน้ำ 10-50 ซม.เป็นหมู่บ้านที่น้ำท่วมแล้ว 4 ครั้งในช่วงสองเดือนนี้ ส่วนบ้านกำเนิดเพชร ฝั่งน้ำพราว ต.เมือง อ.เมืองเลย น้ำท่วมฉับพลันระดับน้ำ 10-40 ซม. เทศบาลเมืองเลยต้องสั่งปิดถนน ที่ชุมชนบ้านเลิงใหญ่มั่นคง หลังโรงแรมเลยพาเลซ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย น้ำจากแม่น้ำเลย เริ่มเอ่อล้นท่วมถนนในหมู่บ้าน และพื้นที่การเกษตร เช่นเดียวกับที่ จ.มหาสารคาม น้ำล้นด้านท้ายอ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน ทำให้บ้านดอนตูม บ้านดอนโด ต.แก่งเลิงจาน อ.เมืองมหาสารคาม ถูกน้ำท่วมถนนสูง รถเล็กไม่สามารถขับผ่านได้ระหว่างบ้านดอนตูมมาบ้านดอนโดเตือน 21 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วมวันเดียวกัน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยล่วงหน้า 3 วัน ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย.2567 ประเมินพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยล่วงหน้า 3 วัน พบว่ามีพื้นที่เสี่ยง จำนวน 21 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.เชียงราย (อ.เวียงเชียงรุ้ง และดอยหลวง) จ.ลำปาง (อ.สบปราบ ห้างฉัตร และเมืองปาน) จ.ลำพูน (อ.แม่ทา) จ.น่าน (อ.นาน้อย) จ.พะเยา (อ.ปง และเมืองพะเยา) จ.แพร่ (อ.วังชิ้น) จ.พิษณุโลก (อ.วัดโบสถ์ และนครไทย) จ.เพชรบูรณ์ (อ.เขาค้อ) จ.อุตรดิตถ์ (อ.บ้านโคก) จ.อุทัยธานี (อ.บ้านไร่) และ จ.นครสวรรค์ (อ.แม่วงก์) ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ จ.เลย (อ.นาแห้ว ปากชมและด่านซ้าย) จ.ชัยภูมิ (อ.ซับใหญ่ และเทพสถิต) จ.อุดรธานี (อ.วังสามหมอ) และ จ.นครพนม (อ.นาแก) ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี (อ.เมืองชลบุรี) จ.ปราจีนบุรี (อ.ปรันตคาม) จ.จันทบุรี (อ.ขลุง) และ จ.ตราด (อ.เมืองตราด บ่อไร่ และเขาสมิง) ภาคใต้ จ.ยะลา (อ.เบตง) และ จ.นราธิวาส (อ.จะแนะ)กรมอุตุฯคาดหลัง 25 ก.ย.ฝนลดด้านกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าในช่วงวันที่ 24 ก.ย. ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออก เฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณเกาะไหหลำ ประเทศจีน ในขณะที่ในช่วงวันที่ 25-29 ก.ย.2567 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่