เวทีเสวนา “โฆษณาและสื่อสารการตลาดสุรา เสรีภาพ vs สุขภาพ ที่สมดุล?” ดร.เดวิด เจอร์นิเกน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายและนโยบายสุขภาพ สำนักวิชาสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีการวิจัยพบว่ากลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะเยาวชนที่เห็นโฆษณาจะถูกกระตุ้นให้ดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการวิจัยพบว่าการห้ามทำการตลาดครบวงจรจะช่วยลดการดื่มได้ดี ตัวอย่างที่ประเทศนอร์เวย์ที่ลดการดื่มได้ถึง 7% ส่วนพื้นที่ที่ห้ามเพียงบางส่วนแทบไม่ช่วยลดการดื่มเลย เช่น บางประเทศที่อนุญาตให้โฆษณาได้ช่วงดึก แต่กลายเป็นว่าเยาวชนมีโอกาสได้รับสื่อช่วงดึกมากกว่าวัยผู้ใหญ่เสียอีก สำหรับการใช้ อินฟลูเอนเซอร์มาสื่อสารนั้นบางประเทศ เช่น ลิทัวเนียมีกฎหมายห้ามแต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนจำนวนมาก ดังนั้น แอลกอฮอล์จึงควรจำกัดการตลาดดิจิทัล และห้ามแบบครบวงจร การที่ประเทศไทยบอกว่าจะขยายเวลาขายหรือทำให้การตลาดอิสระมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวนั้น ตนมองว่าประเทศไทยยังมีสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลยรศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต ประธานสภาสถาบันนักวิชาการสื่อสารมวลชนฯ กล่าวว่า การทำการตลาดไม่ว่าจะเป็นสินค้าใดต้องดำเนินการภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะสินค้าที่ก่อให้เกิดโทษอย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผศ.ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ ผอ.โครงการการศึกษา พัฒนา ขยายผลการเฝ้าระวัง และจัดการความรู้ผลิตภัณฑ์เสี่ยงสุขภาพ กล่าวว่า เหตุผลที่ประเทศไทยต้องควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะการโฆษณาออนไลน์เข้าถึงคนทุกเพศทุกวัยได้ไม่จำกัดเวลา ควบคุมเนื้อหายาก ขณะที่การตลาดดิจิทัลในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เติบโตสูงถึง 30% ส่วนสื่อไร้พรมแดนที่มีการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แฝง เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่