โลกดูเหมือนจะแคบลงถนัดใจ หลังผู้คนเดินทางกันขวักไขว่ ถ้าเป็นคนดีไปทำธุรกิจหรือท่องเที่ยวก็ว่ากันไป แต่ที่ตามมาคือ คนเลวคอยหาช่องทางก่ออาชญากรรม!ที่ผ่านมาหลายชาติหลายภาษามาก่อคดีอุกฉกรรจ์ในบ้านเรา แต่ละคดีสะท้านเมืองเพราะคนเหล่าคิดไปเองว่า หลังก่อเหตุหลบหนีออกนอกประเทศแล้ว น่าจะรอด?!ทว่าเครือข่ายตำรวจของโลกใบนี้ ก็เข้มแข็งขึ้นตามไปด้วย ดังจะเห็นได้จากการจับกุมผู้ต้องหาส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกันอยู่เนืองๆ แต่ที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเราหรือคดีที่กำลังร้อนแรงในบ้านเรา หลังกลุ่มแก๊งชาวเกาหลีใต้รวมหัวกันก่อเหตุสะเทือนขวัญ อุ้มฆ่ายัดถัง 200 ลิตร โบกปูนสำทับให้แน่ใจว่า จะไม่ลอยขึ้นมาประจานความอำมหิตในอ่างเก็บน้ำมาบประชัน จ.ชลบุรีแต่ตำรวจไทย นำโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ชุดสืบสวนนครบาล กก.สส.บก.น.5 สน.มักกะสัน และ สน.คลองตัน คลี่คลายคดีได้อย่างรวดเร็วทั้งจุดทิ้งศพ จุดที่อุ้มย่านอาร์ซีเอ บ้านเช่า คอนโดมิเนียมตามรายทาง ตั้งแต่กรุงเทพฯ ไปยัน จ.ชลบุรี ทุกจุดถูกตรวจพิสูจน์เก็บหลักฐานอย่างละเอียดเก็บหลักฐานสำคัญในคดีหลายอย่าง ทั้งภาพวงจรปิด ศพผู้เสียชีวิต แม้แต่จุดทิ้งปลายนิ้วของเหยื่อที่ถูกตัดตามข้างทาง เพื่อปิดบังอำพรางว่า เหยื่อเป็นใคร?ทำให้เห็นได้ชัดว่า กลุ่มผู้ต้องหาความคิดซับซ้อน ไอ้ที่ว่าเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท ก็เป็นเพียงการเบี่ยงเบนประเด็นการสังหาร เพราะเหยื่อตายไปแล้วตอนเรียกค่าไถ่?!หลังจากการประสานงานอย่างเข้มแข็งของตำรวจไทย ตำรวจเกาหลีใต้ และตำรวจสากล ถึงตอนนี้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน เหลืออีกเพียงคนเดียวตำรวจเกาหลีใต้สอบสวนผู้ต้องหา ยังปิดบังสาเหตุการอุ้มฆ่าที่แท้จริง แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวส่งตัวมาให้ตำรวจไทยดำเนินคดีเมื่อไหร่ การสอบเค้นสาเหตุการสังหารโหดครั้งนี้เข้มข้นแน่จะได้รู้ว่า ตำรวจไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก?สหบาทคลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม