“ท้าวสุรนารี” หรือย่าโม วีรสตรีไทย ร่วมกอบกู้เมืองนครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์เวียงจันทน์ เมื่อปี พ.ศ.2369 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังคุณหญิงโมได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “ท้าวสุรนารี” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถวายพวงมาลัยสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในงานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี.จ.นครราชสีมา เล็งเห็นความสำคัญกำหนดวันที่ 23 มี.ค.ของทุกปี เป็นวันแห่งชัยชนะพร้อมจัด “งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี” อย่างยิ่งใหญ่เป็น การเทิดทูนวีรกรรมและปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนไทยตระหนักถึงวีรกรรมอันกล้าหาญปีนี้กำหนดจัดงานวันที่ 23 มี.ค.-3 เม.ย.67 บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี รวม 12 วัน 12 คืน โดยมี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิด “งานฉลองอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ประจำปี 2567” ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานเปลี่ยนสไบห่มองค์ท้าวสุรนารี และถวายเครื่องบวงสรวงสักการะ.ในงานมี น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา หน่วยงาน ภาครัฐ เอกชน และประชาชน เข้าร่วมงานนับหมื่นคนนอกจากนี้ ได้รับเกียรติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานเปิดการแสดงแสง สี เสียง อิงประวัติศาสตร์ ชุดพิเศษ “บุพชาติท้าวสุรนารี” ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี นับเป็นนายกฯ คนแรกในรอบ หลายสิบปีมาร่วมงาน และถวายพานพุ่มดอกไม้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายสยาม ศิริมงคล และดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมถือคบเพลิง 4 มุมเมือง.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า มีความยินดี มาร่วมสักการะท้าวสุรนารี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ได้มาโคราชชื่นใจทุกครั้งได้เห็น รอยยิ้มของพ่อแม่พี่น้อง สำหรับโคราชมีความพร้อมด้านอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อยากสนับสนุนให้ดียิ่งขึ้นจะก่อให้เกิดการกระจายเศรษฐกิจต่อไปน.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การ ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวมีวัตถุ ประสงค์เพื่อเทิดทูนวีรกรรมท้าวสุรนารี และส่งเสริมการท่องเที่ยว ถือเป็นเทศกาลการท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด รวมทั้งเป็นการแสดงศักยภาพการพัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน“สำหรับไฮไลต์งานคือการรำบวงสรวง โดยสตรีลูกหลานย่าโม จำนวน 7,100 คน ในชุดไทยจักรีสีม่วง-ทอง รวมทั้งการแสดงจุดพลุ 4 มุมเมือง ได้รับเกียรติจาก น.ส.แอนโทเนีย โพซิ้ว รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 เป็นผู้ถือคบเพลิงจุดพลุดอกไม้ไฟ ด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตา” น.ส.สุดาวรรณกล่าว น.ส.แอนโทเนีย โพซิ้ว รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 และเหล่านางงามร่วมขบวนสาวงามถือคบเพลิงจุดพลุดอกไม้ไฟ 4 มุมเมือง.นอกจากนี้ มีขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่ เป็นการผสมผสานการจัดขบวนจากคำขวัญประจำจังหวัด “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” สบทบด้วยขบวนกลุ่มชาติพันธ์ุ โคราชมหานครแห่งบรรพชีวิน และขบวนโคราชเมืองกีฬา นำโดยทีมสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา คว้าดับเบิ้ล แชมป์วอลเลย์ไทยแลนด์ลีกด้าน นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า ทุกภาคส่วนร่วมใจการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่และ เป็นการฉลองเมืองนครราชสีมาครบรอบ 556 ปี มีอีกหนึ่งพิธีสำคัญคือการเปลี่ยนผ้าสไบห่มองค์ท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา สีจะเป็นไปตามวันที่จัดงาน ในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ผ้าสไบใช้เป็นสีม่วง-ทอง ริ้วขบวนถือป้าย “เมืองหญิงกล้า” ในขบวนเปิดงาน “ฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี (งานย่าโม) ประจำปี 2567” ซึ่งจัดยิ่งใหญ่ถึง 3 เม.ย.ส่วน ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า โซนที่ตั้งใจจัดหนักจัดเต็มให้ชาวโคราช และนักท่องเที่ยว คือ เวทีการแสดงแสง สี เสียง อิงประวัติศาสตร์ ชุดพิเศษ “วีรชน บุปผาชาติ ท้าวสุรนารี”เป็นการเชิดชูเกียรติย่าโม ที่ได้ “เสนาเพชร” ผู้กำกับมือทอง มากำกับการแสดงด้วยตัวเอง พร้อมยกทัพเหล่านักแสดงชื่อดังมาร่วมสวมบทบาทในรูปแบบสมจริง ผสมผสานการแสดงเดอะมิวสิคัล แสดงคืนวันที่ 24, 25, 29, 31 มี.ค. และวันที่ 1-2 เม.ย.นี้ รวม 6 รอบการแสดง การแสดงเทิดพระเกียรติ ท้าวสุรนารี (ย่าโม) วีรสตรีไทย ที่มีส่วนกอบกู้ เมืองนครราชสีมา จากกองทัพ เจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์เวียงจันทน์.ภายในงานแบ่งเป็น 6 โซน จัดกิจกรรมต่างๆ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา และบริเวณถนนรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อาทิ ถนนสายวัฒนธรรมเมืองย่า ตลาดน้ำคูเมืองกลางน้ำ ถนนสายสตรีทฟู้ด ออกร้านกาชาด จำหน่ายสินค้าโอทอป และร้านอาหารกว่า 500 ร้าน พร้อมชมการแสดงของศิลปินชื่อดังตลอดทุกวันจัดงานงานยิ่งใหญ่จัดเพียงปีละครั้ง เชิญชวนชาวไทยไปชมกัน.วีรพงศ์ เหรียญประเสริฐ รายงานอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
