ที่ผ่านมา “เมืองสุราบายา” เมืองเอกและประตูสู่ “จังหวัดชวาตะวันออก” จังหวัดใหญ่อันดับ 2 ของอินโดนีเซีย อาจยังไม่ใช่จุดหมายลำดับต้นๆของคนไทยทั้งด้านการค้าและท่องเที่ยว ทั้งที่โดดเด่น มีศักยภาพสูง ยังเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างประวัติศาสตร์สำคัญของชาติกับความงดงามหลากหลายทางธรรมชาติอันน่าตื่นตะลึงการได้ไปเยี่ยมเยือนทำความรู้จักมักคุ้นกับเมืองสุราบายา City of heroes หรือเมืองแห่งวีรชนคนกล้าตามคำชักชวนของสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ในโครงการ “Thailand-East Java-Trade, Tourism and investment Familirization Trip 2024” จึงถือเป็นโอกาสพิเศษอย่างยิ่งหลังได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มจากการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาถึงสนามบินนานาชาติจูอันดา 1 ใน 5 สนามบินในจังหวัดชวาตะวันออก เราเริ่มออกสัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายยุคอาณานิคมด้วยการลัดเลาะย่านเมืองเก่าที่ “เจมบาตัน เมราห์” หรือ “สะพานแดง” ที่ในอดีตเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการค้าที่พลุกพล่านของชาวจีน ยุโรป และอาหรับ ขณะเดียวกันยังเป็นพื้นที่ต่อสู้อย่างดุเดือดของสมรภูมิเดือดเมืองสุราบายา (Battle of Surabaya) เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2488 นำไปสู่อิสรภาพของชาวอินโดนีเซียจากนั้นก็มาถึง “Tugu Pahlawan” หรือ “The Monument of The Heroes” อนุสาวรีย์วีรชน แลนด์มาร์กสำคัญ สัญลักษณ์ของการอุทิศแด่ผู้สละชีวิตในสมรภูมิเมืองสุราบายา สามารถมองเห็นอนุสาวรีย์สูงเด่น 41.15 เมตร ยังมีพิพิธภัณฑ์ใต้ดินถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวสุราบายา ปิดท้ายที่ Alun-Alun Surabaya (อลุน-อลุน สุราบายา) พิพิธภัณฑ์ใต้ดิน ให้เรียนรู้ที่มาของสถานที่แห่งนี้ที่เดิมเป็นแหล่งสังสรรค์ยามค่ำคืนของชนชั้นสูงชาวยุโรป โดยเฉพาะชาวดัตช์ ยังมีงานศิลปะให้เพลิดเพลิน และเป็นยังสถานที่เหมาะแก่การถ่ายรูปอีกด้วยนอกจากย่านเมืองเก่าจะเปี่ยมเสน่ห์แล้ว ต้นไม้เรียงรายเขียวขจียังทำให้ประทับใจให้อยากกลับไปเยือนอีก.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม