ต้องยอมยกนิ้วให้วงการตำรวจ ที่กลายเป็นข่าวอื้อฉาวโด่งดังอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสมคบคิดกับแก๊งจีนสีเทาจากประเทศจีน การรีดไถ่เงินนักท่องเที่ยวไต้หวัน หรือการที่เจ้า หน้าที่ตำรวจถูกดำเนินคดีตรวจคนเข้าเมือง เรื่องล่าสุด นายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.ผู้โด่งดังที่สุด โดนข้อหาอาญาร้ายแรงพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. แถลงว่าคดีที่เรียกว่าเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ มีอยู่ 2 สำนวน สำนวนแรกเป็นคดีหลัก พนักงานสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบ ผู้ต้องหามี 61 คน มีทั้งตำรวจและประชาชน สำนวนที่ 2 เป็นการสอบสวนขยายผล มีผู้ต้องสงสัยทำผิด 5 คน เป็นตำรวจ สำนวนอยู่ที่ ป.ป.ช.ในสำนวนที่ 2 มีชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ผู้โด่งดัง เจ้าของฉายา “บิ๊กโจ๊ก” อยู่ด้วย ตำรวจทั้ง 5 คน ถูกกล่าวหากระทำผิด ป.อาญา มาตรา 157 และ 149 ม.157 ถือว่าเป็นข้อหาสามัญประจำข้าราชการ ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือโดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ส่วน ม.149 ต้องถือว่าเป็นคดีที่ร้ายแรง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ในความผิดฐานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่มาตรา 149 เป็นความผิดร้ายแรง สำหรับนักการเมือง และข้าราชการ ที่เรียกรับสินบนหรือส่วย มีโทษสูงสุดถึงประหาร แต่ดูเหมือนว่า ตำรวจอาจไม่ค่อยกลัว ถ้าหากถือว่าตำรวจมีกฎหมาย และอำนาจอยู่ในมือ ผู้ที่ดำเนินคดีในเบื้องต้นก็คือตำรวจด้วยกันเอง อย่างคดีส่วยเว็บพนันมินนี่ที่กำลังเป็นข่าวคดีที่อื้อฉาวนี้ไม่ได้กระทบต่อแวดวงตำรวจ แต่ลามไปถึงอัยการด้วย อัยการสูงสุดต้องมีหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอความคุ้มครองให้พนักงานอัยการ 2 คน ที่เข้าร่วมในการให้คำปรึกษาในคดีเว็บพนันมินนี่ อัยการคนหนึ่ง ซึ่งเป็นถึงระดับอธิบดี ถูก 1 ในผู้ต้องหาข่มขู่คุกคาม เป็นครั้งแรกใน 30 ปีของชีวิตข้าราชการเนื่องจากบิ๊กโจ๊กเป็นตัวเต็งที่มีสิทธิ์ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.คนต่อไป จึงมีเสียงวิจารณ์ว่า เป็นการเมืองเตะตัดขาในแวดวงตำรวจหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติยืนยันว่าไม่ใช่ เรื่องนี้มีการขยายผลจนพบว่า มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ถือเป็นเรื่องสะเทือนใจ ยิ่งเห็นตัวเงินกว่า 300 ล้าน ผ่านเข้าไปในระบบ ยิ่งปล่อยไม่ได้.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม