ผบ.ตร.สั่งจเรตำรวจแห่งชาติ สอบ “นายพล ก.” มีเอี่ยวช่วยเหลือ “แป้ง นาโหนด” หลบหนีหรือไม่ ลั่นใครผิดฟันไม่เลี้ยง พร้อมสั่งตรวจสอบปืนเอ็ม 16 ที่ใช้ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ เป็นอาวุธสงครามจริง หรือแค่ปืนดัดแปลง “โฆษก อสส.” ยันตำรวจชุดจับกุมนายแป้งที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาว่าจับไม่ชอบ ผิด ม.157 ถูกสั่งฟ้องไปแล้ว ขณะที่ตำรวจพัทลุงระดมกำลังค้นบ้านน้าสาวและบ้านแม่ยายแป้งรอบ 2 แต่ยังคว้าน้ำเหลวเช่นเดิมสั่นสะเทือนเขย่ากระบวนการยุติธรรม ภายหลังนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด อายุ 38 ปี ผู้ต้องขังที่เข้ารักษาอาการป่วย แล้วหลบหนีออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช กลางดึกคืนวันที่ 22 ต.ค. ไปกบดานบนเทือกเขาบรรทัด และบ้านในตระ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานระดมกำลังนับร้อยนายปิดล้อมไล่ล่าร่วม 1 เดือน แต่ยังจับตัวไม่ได้ กระทั่งนายแป้งออกมาเผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านสื่อโซเชียล อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีที่พาพวกบุกชิงตัวนายจรวด เครือข่ายยาเสพติด ที่ถูกตำรวจ ภาค 8 จับตัวไปรีดค่าไถ่ และข้อหาปล้นปืนตำรวจ ทำให้นายแป้งถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกเพียงคนเดียว ขณะที่เพื่อนร่วมแก๊งได้รับการประกันตัวและหลุดคดีทั้งหมด ในคลิปดังกล่าว นายแป้งยังกล่าวอ้างพาดพิงว่าถูกหลอกใช้จากอัยการบอย ประธานติ่ง และพ่อของนายจรวดด้วย ส่งผลให้สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องออกมาเคลื่อนไหวตอบคำถามสังคมให้กระจ่างความคืบหน้าการไล่ล่านายแป้ง นาโหนด ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 28 พ.ย. พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จ.พัทลุง พ.ต.ท.ยุทธศักดิ์ เอี่ยมสุนทร รอง ผกก.สส.ภ.จ.พัทลุง พ.ต.ท.โชติพัฒน์ รักสกุล สว.กก.สส.ภ.จ.พัทลุง นำกำลังตำรวจ ชป.1 กก.สส.ภ.จ.พัทลุง พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดพัทลุง ที่ 276/2566 ลง 27 พ.ย.2566 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 20/3 หมู่ 6 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง เป็นบ้านของนางอนงค์ มาชู อายุ 70 ปี น้าสาวของนายแป้ง เพื่อค้นหาบุคคลตามหมายจับและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ผลการตรวจค้นไม่พบบุคคลตามหมายจับและสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ต่อมาได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 40/3 หมู่ 3 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง เป็นบ้านของ น.ส.สุนันทา พรายแก้ว แม่ภรรยานายแป้ง ที่นายแป้งอาศัยอยู่ด้วยก่อนหน้านี้ ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเช่นกัน การค้นบ้านทั้ง 2 หลังดังกล่าวเป็นการค้นบ้านที่เกี่ยวพันกับนายแป้ง เป็นรอบที่ 2 แล้วที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษก สนง.อัยการสูงสุด เผยว่า การสั่งคดีของอธิบดีอัยการภาค 9 ปี 63 มีสำนวนสองส่วน มีทั้งสั่งฟ้องกับสั่งไม่ฟ้อง อัยการบอยเป็นหนึ่งในหกผู้ต้องหา ที่อธิบดีอัยการสั่งไม่ฟ้อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นพ้องด้วย คดีเสร็จสิ้นไปเมื่อปี 63 ส่วนคดีของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด อธิบดีอัยการภาค 9 สั่งฟ้อง ต่อมาอัยการพัทลุง เอาตัวไปฟ้อง และศาลจังหวัดพัทลุงพิพากษาจำคุก แล้วหลบหนีจากโรงพยาบาล ดังนั้น เมื่อนายแป้ง ได้ออกมาพูดผ่านคลิปและเป็นกระแสขึ้นมา อสส.ได้สั่งการให้อธิบดีสำนักงานวิชาการตรวจสอบว่าการสั่งสำนวนครั้งนั้นเป็นไปตามกฎหมายและตามพยานหลักฐานหรือไม่ จากนั้นจะรายงานให้ อสส.พิจารณาสั่งการต่อไป เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เมื่อเสร็จแล้วจะรีบแถลงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นายแป้งออกมาพูดคล้ายเชื่อมโยงไปยังอัยการและกระบวนการยุติธรรม เป็นการโยนความผิดหรือไม่ หรือใช้รับฟังได้หรือไม่ นายประยุทธกล่าวว่า แม้เป็นเรื่องที่นายแป้งจะเป็นผู้ที่ถูกพิพากษาว่าผิดและกำลังหลบหนีคดี แต่เราก็รับฟังเป็นพยานประกอบ เมื่อถามต่อว่าจะต้องเรียกอัยการบอย มาสอบ เช่นเดียวกับการสอบข้อเท็จจริงทางวินัยหรือไม่ นายประยุทธกล่าวว่า การที่ อสส.มอบให้อธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการ ตรวจสอบการสั่งคดีของอธิบดีอัยการภาค 9 เมื่อปี 63 เป็นไปตามบริบทว่า มีการสั่งคดีไปตามอำนาจหน้าที่โดยอาศัยข้อเท็จจริงในสำนวนและพยานหลักฐานที่ปรากฏหรือไม่ ไม่ถือเป็นการสอบข้อเท็จจริง แต่เป็นการตรวจสอบอัยการสั่งคดีภายใต้หลักการของรัฐธรรมนูญมาตรา 248 คุ้มครองไว้หรือไม่ ในส่วนของตำรวจชุดจับกุมนายเชาวลิต ที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาว่าจับไม่ชอบและข้อหาตามมาตรา 157 น.ส.นารี ตัณเสถียร อดีต อสส. มีคำสั่งฟ้องไปแล้วที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า ปืนที่นายแป้งใช้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ จะต้องตรวจสอบว่าเป็นปืนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แม้จากในภาพที่เห็นจะเป็นปืน เอ็ม 16 แต่ต้องตรวจสอบว่าเป็นปืนที่ได้รับการดัดแปลงหรือไม่ เพราะรูปแบบปืนที่นายแป้งใช้ มีแบบที่ประชาชนครอบครองได้ แต่จะยิงแบบอัตโนมัติไม่ได้ ส่วนรุ่นที่ยิงแบบอัตโนมัติได้จะเป็นอาวุธสงคราม มีเฉพาะเจ้าหน้าที่ครอบครองได้เท่านั้น การที่นายแป้งเอามาใช้ก่อเหตุในหลายพื้นที่ ถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว และการเปรียบเทียบกระสุนปืนตรงกับเหตุในหลายพื้นที่ด้าน พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า การที่ตำรวจรู้เบาะแส วัน เวลา และผู้ช่วยเหลือนายแป้ง หลบหนีการปิดล้อมของเจ้าหน้าที่ลงจากเขาบรรทัด แต่ยังไม่จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าตำรวจมียุทธวิธีในการปฏิบัติที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน การทำงานขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ส่วนกระแสข่าวว่านายแป้งหลบหนีไปต่างประเทศ ข่าวก็คือข่าว ส่วนจะอยู่ในประเทศหรือไม่ ยังไม่ขอตอบในรายละเอียด แต่ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าได้รับความช่วยเหลือจาก “พล.ต.ต.ก” ขณะนี้ ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งจเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบแล้ว หากพบพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับผู้ใดจะดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัย พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่