“เศรษฐา” ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในความพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อช่วยเหลือตัวประกันคนไทย เตรียมบินพบนายกฯมาเลย์คุยต่อเนื่อง ส่วนการพา 10 คนไทยกลับมาตุภูมิ รมว.ต่างประเทศอาจบินไปรับกลับด้วยตัวเอง โดยระบุทั้ง 10 คน สุขภาพแข็งแรงดี แต่มี 1 คนบาดเจ็บหูอื้อ คาดว่ายังมีแรงงานไทยถูกคุมตัวอยู่อีก 20 คน ด้านครอบครัวตัวประกันคนไทยต่างดีใจน้ำตาริน ที่รู้ข่าวบุคคลอันเป็นที่รักปลอดภัยจากเงื้อมมือกลุ่มฮามาส เตรียมแก้บน-บวช พร้อมทำอาหารโปรดไว้รอรับกลับบ้าน ขณะที่คู่รักหนุ่มอุดรกับสาวขอนแก่น ครอบครัวฝ่ายชายเตรียมงานรับขวัญพร้อมจัดวิวาห์ให้เมื่อกลับถึงบ้านเกิดความคืบหน้า 10 ตัวประกันคนไทยที่ถูกกอง กำลังติดอาวุธกลุ่มฮามาสจับตัวไปตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ในเหตุการณ์บุกโจมตีประเทศอิสราเอล และได้รับการปล่อยตัวออกมาเป็นชุดแรกในช่วงการหยุดยิงเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ประกอบด้วย นางสาวณัฐฐาวรี มูลกัน นายสันติ บุญพร้อม นายบุญถม พันธ์ฆ้อง นายมงคล ผจวบบุญ นายวิทูรย์ ภูมี นายวิชัย กาละปัตย์ นายบัญชา กองมณี นายบุดดี แสงบุญ นายอุทัย ทุ่นศรี และนายอุทัย แสงนวล โดยทั้งหมดถูกส่งเข้าตรวจร่างกายที่ รพ.ในอิสราเอลเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่อมาที่ จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคง นำโดย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ติดตามสถานการณ์อย่างละเอียด และขอแสดงความยินดีกับญาติพี่น้องของบุคคลเหล่านั้น ขอบคุณองค์กรจากต่างประเทศที่มีส่วนร่วมในการทำให้ผู้บริสุทธิ์ออกมาได้อย่างปลอดภัยและแสดงความยินดีกับไทย สำหรับตัวประกันที่ได้รับการปล่อยตัว นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ จะเดินทางไปรับด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทราบว่าจะไปเมื่อไหร่ เนื่องจากตัวประกันบางคนยังบาดเจ็บอยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ลดละความพยายามที่จะต้องช่วยเหลือต่อไป เพราะยังมีตัวประกันอีกกว่า 20 คน ที่ต้องช่วยออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยยังเจรจากับทางกาตาร์ รวมไปถึงมาเลเซีย โดยวันที่ 27 พ.ย.นี้ จะเดินทางไปพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะพูดคุยต่อเนื่องและจะเปิดเผยให้ทราบต่อไปนอกจากนี้ นายเศรษฐายังทวีตข้อความผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ด้วยว่า “ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบข่าวการยืนยันการปล่อยตัวประกันของพี่น้องแรงงานไทยทั้ง 10 ราย ที่ปัจจุบันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล Shamir Medical Center ในอิสราเอล ภายใต้การดูแลประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิดครับ ผมขอชื่นชมและขอบคุณความพยายามไกล่เกลี่ยของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และยินดีกับความตกลงหยุดยิงชั่วคราวเป็นเวลา 4 วัน เพื่อที่จะได้ลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังผู้ที่ต้องการในฉนวนกาซาในโอกาสแรกต่อไป ทั้งนี้ ขอย้ำและเรียกร้องอีกครั้ง ให้ปล่อยตัวประกันชาวไทยผู้บริสุทธิ์ต่อไปโดยเร็วที่สุดครับ”ด้านนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายก รัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าตัวประกันคนไทยสุขภาพดีเกือบทั้งหมด ยกเว้นผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บที่หู มีลักษณะหูอื้อ ทั้งนี้ ทุกคนดีใจที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาและสุขภาพจิตดี การที่ตัวประกันคนไทยได้รับการปล่อยตัว เชื่อว่าเกิดจากการประสานงานขอความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ ทั้งกาตาร์ อิหร่าน อียิปต์ และกลุ่มประเทศอาหรับอื่นๆ ที่เชื่อว่าจะสามารถติดต่อประสานโดยตรงกับกลุ่มฮามาสได้ โดยเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไทยได้รับการปล่อยตัวประกันมากกว่าประเทศอื่น ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือขอบคุณประเทศต่างๆที่ให้การช่วยเหลือ ส่วนแรงงานไทยทั้ง 10 คนนี้ มี 4 คน ที่ทางการอิสราเอลไม่เคยแจ้งมาก่อน ทำให้คาดว่ามีแรงงานไทยถูกคุมตัวอยู่อีก 20 คน จากเดิม 26 คน สิ่งที่จะต้องดำเนินการหลังจากนี้คือการนำ 10 คนไทยกลับประเทศ โดยสายการบินพาณิชย์ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ และขั้นตอนต่างๆจากทางการอิสราเอลสำหรับบรรยากาศตามบ้านแรงงานไทยที่ถูกกองกำลังติดอาวุธกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันนานร่วม 50 วัน และเพิ่งได้รับการปล่อยตัวมาเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา บรรดาพ่อแม่ญาติพี่น้องต่างดีใจที่ลูกหลานปลอดภัยและตั้งตารอวันที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง โดย น.ส.ทิพวัลย์ พลดง อายุ 34 ปี ภรรยาของนายมงคล ผจวบบุญ อายุ 38 ปี กล่าวที่บ้านใน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ว่าจะไม่ให้สามีกลับไปทำงานที่นั่นอีกแล้ว และถ้าสามีกลับมาถึงบ้านจะทำพิธีผูกแขนรับขวัญ และให้สามีไปบวชที่จังหวัดมหาสารคาม เพราะพ่อแม่ของสามีอยู่ที่โน่นเช่นเดียวกับนางนวลจันทร์ จันทร์จร อายุ 68 ปี ชาว ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ แม่นายสันติ บุญพร้อม ที่ยิ้มทั้งน้ำตาบอกว่าดีใจจนบอกไม่ถูกที่ทราบข่าวว่าลูกชายปลอดภัยหลังจากนอนน้ำตาไหลทุกคืนเพราะคิดถึงลูก ขณะที่ น.ส.กัญญพัชร แรกไธสง อายุ 35 ปี ภรรยานายสันติกล่าวว่า จะไปแก้บนตามที่บนเอาไว้ทั้งหมด ตอนนี้คอยฟังเสียงของสามีคำเดียวว่า “ขึ้นเครื่องแล้ว” ทางครอบครัวจะเหมารถไปรับถึงสนามบิน เบื้องต้นจะทำผัดปลากระป๋อง อาหารที่สามีชอบมากที่สุดให้ทาน และจะทำตามใจสามีทุกอย่างที่สามีต้องการให้ดีที่สุดส่วนนางบุญญาริน ศรีจันทร์ อายุ 56 ปี ชาว ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น มารดาของนางณัฐฐาวรี มูลกัน หรือโย อายุ 35 ปี ที่ถูก จับตัวไปพร้อมกับแฟนหนุ่มชื่อนายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี ก็ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจที่ทราบว่าลูกสาวถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว และมีสุขภาพแข็งแรงทั้งลูกสาวและแฟนหนุ่ม เชื่อว่าที่ทั้งสองรอดชีวิตกลับมานั้นเป็นปาฏิหาริย์ ถ้ารู้วันเวลาเดินทางกลับจะพาลูกๆของน้องโยไปรับที่สนามบิน และเมื่อกลับถึงบ้านจะพาไปแก้บนตามที่ต่างๆ ด้วยพวงมาลัยและดอกไม้ เหล้าไห ไก่ตัว รวมทั้งไปบวชที่วัดเวฬุวัน 1 เดือน ด้านนางเขียน พันธ์ฆ้อง อายุ 85 ปี ชาว ต.บ้านหินโงม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี มารดาของนายบุญถม พันธ์ฆ้อง มีหน้าตายิ้มแย้มสดใสอย่างเห็นได้ชัด เมื่อทราบข่าวดีว่านายบุญถมและแฟนสาวถูกกลุ่มฮามาสปล่อยตัวออกมาแล้ว ทำให้ทานข้าวได้มากกว่าทุกวัน และบอกว่าลูกชายซูบผอมลงเล็กน้อย ขณะที่นางอุไร จันทชาติ อายุ 61 ปี พี่สาว นายบุญถม ได้แต่งขันธ์ 5 ดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ศาลปู่ตา กล่าวว่าเมื่อน้องชายกับแฟนสาวกลับถึงบ้านจะนำพวงมาลัย 38 พวง ที่บนบานเอาไว้ให้คนละ 19 พวง มาถวายศาลปู่ตาเพื่อแก้บน และจะผูกแขนเอิ้นขวัญ รวมถึงจะพาเดินสายแก้บนตามสถานที่ต่างๆ และหาวันผูกข้อไม้ข้อมือเข้าวิวาห์ตามที่ทั้งสองคนเคยพูดกันไว้ที่อิสราเอลวันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการหยุดยิงชั่วคราวและการแลกเปลี่ยนตัวประกัน ที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงร่วมกันระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวaุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาส โดยมีกาตาร์เป็นตัวกลางในการเจรจา ที่เริ่มพักรบวันแรกเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 24 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันกลุ่มแรก 24 คนในช่วงเย็นของวันเดียวกัน เป็นเด็กและสตรีชาวอิสราเอล 13 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุ 2-9 ขวบ 4 คน เป็นมารดาของเด็กเหล่านี้ 3 คน และหญิงสูงอายุ 72-85 ปี อีก 6 คน รวมถึงชาวต่างชาติ 11 คน ที่เป็นคนไทย 10 คน และนายจิมมี ปาเชโก อายุ 33 ปี ชาวฟิลิปปินส์ ความสำเร็จในการช่วยเหลือตัวประกันต่างชาติครั้งนี้ เกิดจากการเจรจาโดยมีรัฐบาลอิหร่านและอียิปต์เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ขณะที่อิสราเอลได้ปล่อยนักโทษเด็กและสตรีชาวปาเลสไตน์จำนวน 39 คน เป็นผู้หญิง 24 คน และเด็กอีก 15 คน ที่ถูกจองจำในเขตเวสต์แบงก์ ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกันกับกลุ่มฮามาสอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม
