ช่วงหนุ่มเข้าวัยแตกพานย่อมมีพฤติกรรมแปลกแปร่งออกไปจากเดิมๆที่เคยเป็นมา “ก้าวไกล” ก็คงทำนองนั้นจึงต้องจัดการให้เข้าที่เข้าทางมิฉะนั้นไปด้วยกันยากล่าสุด สส.ที่ถูกข้อหา “คุกคาม” ทางเพศได้ออกมาแสดงท่าทีให้ดูเหมือนว่า “ขอโทษ” คู่กรณีและสังคมปรากฏว่าไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจทั้งหัวหน้าพรรคและ สส.ในพรรค ระบุไปในทางเดียวกันว่าเป็นการกระทำที่เสแสร้งไม่ได้แสดงอาการขอโทษที่จริงใจ ซ้ำร้ายทำให้ฝ่ายที่ถูกคุกคามเสียหายหนักเข้าไปอีกสรุปก็คือต้องประชุมพรรคและมีมติจัดการให้เด็ดขาดกว่านี้พูดง่ายๆคืออยู่ร่วมพรรคกันไม่ได้แล้วใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลแห่งการกระทำอย่างที่พระพุทธองค์ทรงให้ทางสว่างเอาไว้ ก็เป็นวิธีการจัดการเพื่อให้ปัญหาจบอีกเรื่องที่กำลังรอคิวอยู่ข้างหน้าคือการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีนัดหมายที่จะแถลงผลการวินิจฉัย 2 กรณีของ “ก้าวไกล”1.การถือหุ้นของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรค2.การหาเสียงว่าจะแก้ไขยกเลิก ม.112นัดหมายเอาไว้ ณ วันที่ 15 พ.ย.66หลังจากที่รอคอยกันมานานจนก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา ว่าศาลกั๊กเรื่องนี้เอาไว้เพื่อเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเนื่องจากมองด้วยใจอคติคิดเองเออเองทั้งๆที่ประเด็นมันอยู่ที่ผู้ถูกร้องก็มีส่วน ทำให้การวินิจฉัยออกมาด้วยการยื่นคำชี้แจงช้าส่วนหนึ่ง ทั้งๆที่ทุกอย่างเป็นการดำเนินการตามปกติอย่างที่เคยปฏิบัติมาคำวินิจฉัยที่จะออกมานั้นมีผลต่อ “ก้าวไกล” ทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างกรณีแรกหากชี้ว่า “พิธา” ไม่มีความผิดก็ว่าไปตามที่ตกลงกันไว้คือเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้งหากมีความผิดก็ต้องพ้นจากความเป็น สส. และจะมีความผิดอะไรตามมาก็แล้วแต่ศาลจะสั่งเพราะเท่ากับว่ารู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติแต่ยังลงสมัคร โทษคงหนักพอสมควรอย่างน้อยก็ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองอยู่ที่ว่าจะกี่ปีเท่านั้นกรณีที่ 2 นั้นหากชี้ว่าผิดจริงจะมีผลต่อพรรคโดยตรงอาจถึงขั้น “ยุบพรรค” เลยทีเดียวถ้าผลออกมาอย่างนั้นคงไม่ต่างไปจาก “พรรคแตก” ดีๆนั่นเองเพราะ สส.ส่วนหนึ่งจะได้รับผลกระทบด้วย ต้องไปหาสังกัดใหม่อย่างที่ “อนาคตใหม่” ต้องสลายไปสู่ “ก้าวไกล” ทำนองนั้นแน่นอนว่าคงมีการเตรียมแผนรองรับเอาไว้แล้วสำคัญว่าจะไปกันหมดหรือไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งไปสังกัดพรรคอื่น เพราะการจับเกาะของกลุ่ม สส.นั้นยังไม่หนักแน่นพอที่จะไปไหนไปด้วยกันแบบเลือดสุพรรณฯเลยมีการชี้เป้าไปถึงรัฐบาลทำนองว่าอาจจะเกิดการเปลี่ยนขั้วใหม่ก็ได้ เพราะถ้าไปรวมกับพรรคอื่นจนสามารถรวมเสียงได้มากกว่ารัฐบาลปัจจุบันก็เป็นทางหนึ่งแต่นั่นเป็นการมองในแง่ร้ายเกินไปเอาแค่ “ก้าวไกล” ก่อนดีกว่าหากผลวินิจฉัยออกมาไปทางบวก ก็จะเป็นทางหนึ่งที่ทำให้พรรคเข้มแข็งกว่าเดิมเป็นคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อกับ “เพื่อไทย” ในอนาคตข้างหน้า!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม