ปัจจุบันวิวัฒนาการของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ก้าวล้ำไปมาก ทั่วโลกมีการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่อง ทำให้หุ่นยนต์มีบทบาทมากขึ้นและมีการใช้งานหลากหลาย รวมไปถึงด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งล่าสุด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ได้ร่วมกันพัฒนา “หุ่นยนต์อัจฉริยะช่วยบริการรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีน” เพื่อใช้อำนวยความสะดวกและให้บริการผู้ป่วยทางด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในไทยหน้าที่หลักของ “หุ่นยนต์อัจฉริยะช่วยบริการรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีน” คือการให้บริการผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีน แต่อีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดการคิดค้นหุ่นยนต์นี้ขึ้นมา คือการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ลดความเสี่ยงจากการได้รับรังสีไอโอดีนโดยตรงในระหว่างที่ให้บริการรักษาแก่ผู้ป่วย โดยหลังจากที่บุคลากรทางการแพทย์นำแร่ที่มีสารรังสีไอโอดีนเข้าไปให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์แล้ว จะต้องกักตัว 2-3 วันเพื่อรอให้ปริมาณรังสีในร่างกายและรอบๆตัวหมดไป จึงจะสามารถกลับบ้านไปหาครอบครัวได้ ดังนั้นหุ่นยนต์อัจฉริยะจึงเป็นเหมือนผู้ช่วยแพทย์ยุคดิจิทัลที่ช่วยรับความเสี่ยง จากการได้รับรังสีโดยตรงแทนบุคลากรทางการแพทย์ได้รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทีมทรูทำงานร่วมกับทีมแพทย์ รพ.จุฬาอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีความสามารถเฉพาะ ตอบโจทย์การใช้งาน ที่จะเป็นผู้ช่วยแบ่งเบาภารกิจของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในการให้บริการผู้ป่วย ทำให้โรงพยาบาลดูแลผู้ป่วยได้จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ด้านนายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริษัททรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า หุ่นยนต์อัจฉริยะยังมีจุดเด่นคือความตั้งใจในการพัฒนาของคณะแพทย์และทีมงาน ที่จะให้หุ่นยนต์มีความเป็น Humanize ทั้งรูปลักษณ์ ลวดลายสีสัน หน้าจอและเสียง ที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ช่วยสร้างรอยยิ้มและความพึงพอใจให้คนไข้ ซึ่งนับว่าเป็นการผสานความเป็นมนุษย์เข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัวทั้งนี้ “หุ่นยนต์อัจฉริยะช่วยบริการรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีน” ทำงานได้ในระยะไกล โดยสั่งการและควบคุมผ่านแท็บเล็ต เชื่อมต่อบนเครือข่ายทรู 5G รองรับการสื่อสารแบบเรียลไทม์ โดยสามารถส่งสารรังสีไอโอดีน ยา เวชภัณฑ์ และอาหาร ให้แก่ผู้ป่วยในพื้นที่ให้บริการหรือห้องพักผู้ป่วย รองรับการแพทย์ระยะไกล ผ่านระบบวิดีโอคอล อำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างแพทย์ พยาบาลและผู้ป่วย เพื่อให้คำปรึกษาและแนะนำการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และใช้วัดสัญญาณชีพของผู้ป่วยในระหว่างที่เข้ารับการรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีน โดยสามารถเชื่อมโยงส่งข้อมูลภาพและผลตรวจแบบเรียลไทม์ พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ ตลอดจนช่วยตรวจสอบการเปรอะเปื้อนรังสีในพื้นที่ให้บริการหรือห้องพักผู้ป่วย หลังจากผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล โดยแสดงผลของปริมาณรังสีในรูปแบบ Heat Map ด้วยสีที่แตกต่างในแต่ละพื้นที่ เพิ่มความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในการเข้าดูแลพื้นที่ให้บริการหรือห้องพักผู้ป่วย ที่อาจมีการเปรอะเปื้อนรังสีอยู่ในปริมาณมาก.คลิกอ่านคอลัมน์ "บทความไซเบอร์เน็ต" เพิ่มเติม