นายสุชาติ กาญจนวิลัย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดเพชรบูรณ์ เผยว่า จ.เพชรบูรณ์ มีพื้นที่อยู่ในลุ่มน้ำถึง 5 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำโขง แต่จะมีส่วนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักมากที่สุดถึงร้อยละ 70 โดยมีแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านพื้นที่ยาวประมาณ 350 กม. แม้ปัจจุบันจังหวัดจะมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กประเภทต่างๆ 232 แห่ง รวมความจุทั้งหมดประมาณ 210 ล้าน ลบ.ม. สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่ชลประทาน 457,163 ไร่ แต่ที่ผ่านมายังต้องเผชิญทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม โดยพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจะอยู่สองฝั่งของแม่น้ำป่าสัก ส่วนพื้นที่เผชิญภัยแล้ง มักเป็นพื้นที่ลาดชัน และภูเขาสูง ดังนั้นจึงมีแผนที่จะพัฒนาโครงการขนาดกลางที่มีศักยภาพอีก 44 โครงการ หากดำเนินการได้ครบถ้วนจะสามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มอีกประมาณ 43 ล้าน ลบ.ม. ผอ.โครงการชลประทานจังหวัดเพชรบูรณ์ เผยอีกว่า ต.บ้านโตก อำเภอเมือง จ.เพชรบูรณ์ เป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำทั้งเพื่ออุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตร ราษฎรจึงส่งหนังสือถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้พิจารณาจัดหาแหล่งกักเก็บน้ำ ด้วยการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำจาง ที่บ้านน้ำจาง ต.บ้านโตก อำเภอเมือง จ.เพชรบูรณ์ กระทั่งปี 2561 มีผลการศึกษาโครงการ พบว่า มีพื้นที่ที่มีศักยภาพจะพัฒนาเป็นแห่งกักเก็บน้ำได้อีก 1 แห่งคือ อ่างเก็บน้ำบ้านโตก ต.บ้านโตก จากนั้นในปี 2564 ได้บรรจุโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในเขต จ.เพชรบูรณ์ 8 โครงการ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งรวมถึงโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำจางและอ่างเก็บน้ำบ้านโตกด้วย แต่เนื่องจากทั้ง 2 โครงการ มีพื้นที่โครงการ บางส่วนอยู่ในพื้นที่คุณภาพ ลุ่มน้ำชั้น 1 และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณที่เป็นป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (โซน C) จึงเข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA “โครงการฯนี้จะมีพื้นที่รับประโยชน์ถึง 24,140 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรใน ต.บ้านโตก ต.ชอนไพร อำเภอเมือง จ.เพชรบูรณ์ รวม 16 หมู่บ้าน และปริมาณน้ำที่ส่งให้จะเกิดประโยชน์อย่างมาก เช่น ส่งให้พื้นที่ชลประทาน 15.23 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี แบ่งเป็นช่วงฤดูฝนประมาณ 19,630 ล้านไร่ ฤดูแล้ง 14,520 ล้านไร่ เพื่ออุปโภคบริโภค 1.32 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี รวมถึงน้ำเพื่อปศุสัตว์ อุตสาหกรรม และน้ำเพื่อรักษาสมดุลนิเวศท้ายน้ำด้วย และนอกจากนี้ยังมีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้อีกด้วย” ทั้งนี้ มีแผนที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำจาง-ห้วยบ้านโตก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2570 เนื่องจากโครงการมีพื้นที่โครงการบางส่วนอยู่ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 ภายหลังการศึกษาประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จ จะต้องผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ด้านพัฒนาแหล่งน้ำและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล) จากนั้นจะต้องดำเนินการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 จากคณะรัฐมนตรีก่อน อีกทั้งจะต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจากกรมป่าไม้ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้างประมาณ 6 ปี เนื่องจากจะต้องก่อสร้างเขื่อน 2 แห่ง และทางเชื่อมอ่างเก็บน้ำ.