พฤติกรรมการฉ้อโกงเพื่อหลอกลวงเหยื่อผ่านช่องทางออนไลน์ กลายเป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้คนทั่วโลกไม่เฉพาะต่อคนไทยเท่านั้น ในประเทศอังกฤษเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา มีกรณีหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงิน (Authorized push payment fraud: APP Fraud) กว่า 207,372 ครั้ง มูลค่าความเสียหายราว 485 ล้านยูโร หรือประมาณ 18,850 ล้านบาทมาสเตอร์การ์ดรายงานว่า พฤติกรรมการหลอกให้โอนเงินในประเทศอังกฤษ กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนและธุรกิจจำนวนมาก และสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อระบบการรักษาความปลอดภัยทางการเงิน โดยมิจฉาชีพจะใช้วิธีเหมือนกันทั่วโลก คือการโอนเงินที่ฉ้อโกงมาได้ไปยัง “บัญชีม้า” เพื่ออำพรางเงินและป้องกันการตรวจสอบตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี้ มาสเตอร์การ์ดได้ทำงานร่วมกับธนาคารในอังกฤษ 9 แห่ง ได้แก่ Lloyds Bank, Halifax, Bank of Scotland, NatWest, Monzo และ TSB เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา ด้วยการติดตามความเคลื่อนไหวของเงินไปจน ถึงบัญชีปลายทางต้องสงสัยและปิดบัญชีเหล่านี้ลง ด้วยข้อมูลการติดตามการเดินเงินดังกล่าว ช่วยให้สามารถจัดระดับความเสี่ยงการทำธุรกรรมในแต่ละครั้ง ผ่านการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) ตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมได้แบบบัญชีต่อบัญชี (account-to-account) ช่วยคาดการณ์และป้องกันการทำธุรกรรมจากสแกมเมอร์ในทุกรูปแบบ โดย AI จะวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายปัจจัย อาทิ ชื่อบัญชี จำนวนเงินที่โอน ประวัติธุรกรรมของผู้โอนและผู้รับ และความเป็นไปได้ที่บัญชีผู้รับเงินอาจเกี่ยวข้องกับการโจรกรรม ช่วยให้หลายธนาคารสามารถระงับการทำธุรกรรมที่ต้องสงสัยได้แบบเรียลไทม์ก่อนที่เงินของเหยื่อจะสูญหายอย่างไรก็ตาม แม้ระบบรักษาความปลอดภัยจะมีความก้าวหน้ามากเพียงใด แต่นักต้มตุ๋นมักปรับเปลี่ยนกลไกในการหลอกล่อให้แยบยลยิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนเป้าหมายการโจรกรรมเป็นการโน้มน้าวบุคคลและธุรกิจเพื่อหลอกให้โอนเงิน วิธีนี้เป็นการหลอกให้เชื่อว่าเป็นการโอนเงินให้แก่บุคคลหรือสถาบันที่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คู่ค้าที่รู้จัก รวมถึงการซื้อสินค้าปลอมผ่านช่องออนไลน์ หรือที่เรียกว่า การหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงิน (Authorized push payment fraud: APP Fraud)อาเจย์ บัลลา ประธานฝ่าย Cyber and Intelligence มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า การโจรกรรมในลักษณะนี้ ยากต่อการตรวจสอบมาก ผู้เสียหายทำการโอนเงินของพวกเขาด้วยตัวเอง โดยที่มิจฉาชีพไม่จำเป็นต้องละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยใดๆ การฉ้อโกงเหล่านี้เป็นตัวทำลายความเชื่อมั่นต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ การใช้เทคโนโลยี AI เวอร์ชันล่าสุด จึงจะช่วยให้ธนาคารสามารถจำแนกและตรวจจับการใช้จ่ายที่มีพิรุจ และยับยั้งการโจรกรรมได้อย่างทันท่วงทีขึ้น ด้านพอล เดวิส ผู้อำนวยการฝ่ายการป้องกันการทุจริต ธนาคาร TSB ในประเทศอังกฤษ กล่าวว่า อาชญากรรมพัฒนาความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การตรวจจับและแยกแยะธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติออกจากธุรกรรมที่ถูกกฎหมายซึ่งเกิดขึ้นนับล้านครั้งในทุกวัน ยากจนเปรียบเหมือนการงมเข็มในมหาสมุทร การใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและพฤติกรรมการเงินของลูกค้า จึงช่วยป้องกันการโจรกรรมได้ดีขึ้น สามารถตรวจจับและจำแนกรูปแบบการโจรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจรกรรมที่เป็นการหลอกเหยื่อให้ชำระเงิน โอนเงินให้ธุรกิจหรือบุคคลตัวปลอม โดยปัจจุบันพบว่าการหลอกลวงให้ชำระเงินคิดเป็น 57% ของการฉ้อฉลที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ และเป็นช่องโหว่ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศโดยในปี 2565 ที่ผ่านมา อังกฤษมีกรณีหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงิน (APP) ทั้งสิ้น 207,372 ครั้ง มูลค่าความเสียหายประมาณ 485 ล้านยูโร หรือราว 18,850 ล้านบาท.