ประธานสภาฯเปลี่ยน แต่นายกฯไม่เปลี่ยน นินทากันว่าพล็อตเรื่องการเมืองไทย ถูกเขียนบทไว้ตั้งแต่รู้ผลเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.แล้ว แม้จะช็อกกับคลื่นสึนามิสีส้ม การลื่นไถลของเพื่อไทย และอาการเสียทรงของพรรคฝั่งอนุรักษ์นิยมแต่เมื่อตรวจตัวเลข ส.ส.แล้วผลลัพธ์ยังคงเดิม เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการน่าสนใจจับตาจังหวะก้าวของพรรคเพื่อไทยที่เป็นตัวพลิกเกม “โจ๊กเกอร์” ของหมากการเมืองกระดานนี้ จับสังเกตได้ชัดเจนว่าเพื่อไทยประเมินกระแสสังคมอยู่ตลอดเวลา ไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามย่ามใจ ทั้งที่สามารถทำได้ทันที และทำได้หลายรูปแบบคิวเลือกประธานสภาฯที่เพิ่งจบไปแบบพลิกความคาดหมายกลายเป็น “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” หัวหน้าพรรคประชาชาติ แทรกเข้ามารับตำแหน่งท่ามกลางเขาควายขัดแย้ง ไม่มีใครยอมถอยให้ใครแบบจริงใจ เพื่อไทยกับก้าวไกล กลายเป็นความร่วมมือที่แฝงเหลี่ยมขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งนานวันความไว้วางใจยิ่งเหือดหายกลายเป็นหวาดระแวงอาการชักเข้าชักออกของพรรคเพื่อไทย เพราะคิดหลายอย่าง ทั้งเกมการเมือง กระแสมวลชน แต่เป้าหมายสุดท้ายชัดเจนไม่เคยเปลี่ยน คือ รัฐบาล และ นายกฯก่อนหน้านี้เหมือนจะยอมปล่อยประธานสภาฯให้ก้าวไกลไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉุกคิดถึงคำพูดของ “ซือแป๋กฎหมาย” วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ หรือเปล่า เพราะบอกไว้ว่าถ้าเลือกนายกฯครั้งแรกไม่ผ่าน รอบสองก็แล้วแต่ประธานสภาฯจะนัดหมาย ไม่มีกรอบเวลาจากอ่อนกลายเป็นแข็งทันที เดินหน้าลุยกับค่ายส้มจนสุดซอย ก่อนปิดจ๊อบด้วยเกมถนัด ถอยหนึ่งก้าวบีบให้ก้าวไกลจำใจยอมรับเงื่อนไข “คนกลาง” จบปัญหาไปแบบสวยๆ เหมือนไม่มีใครเสียหายแต่เนื้อในแฝงไว้ด้วยความเจ็บช้ำของก้าวไกล แต่เป็นชัยชนะทางอ้อมของเพื่อไทย เพราะเกมนี้ได้เปรียบ ออกหัวเพื่อไทย ออกก้อยก้าวไกล แต่ถ้าออกกลางก็จะเป็นเพื่อไทยที่ได้ประโยชน์ นึกภาพวันเลือกนายกฯ หากปรากฏว่า “เดอะทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ติดล็อกไม่ผ่านด่าน 376 เสียง ประธานสภาฯ ในฐานะประธานรัฐสภาต้องนัดประชุมใหม่อีกครั้งถ้าหากประธานสภาฯสังกัดก้าวไกล อาจเฉยยาวตีมึนยังไม่นัดใหม่ เพราะรู้ว่าเลือกยังไงก็ไม่ผ่าน งานก็เข้าเพื่อไทยที่รอเก็บตกจังหวะสองเต็มๆแต่ถ้าประธานสภาฯเป็นของเพื่อไทยจะรีบนัดใหม่ด่วนจี๋ หรือถ้าประธานสภาฯเป็นคนกลาง ก็จะว่าไปตามเนื้อผ้า ความเหมาะสม ไม่กล้ายื้อลากยาวให้ถูกด่าแน่และนั่นคือจังหวะผงาดของเพื่อไทยที่จะกลายเป็นผู้กำหนดเกมต่อไป เบื้องต้นประกาศว่าจะลุยต่อจังหวะสองกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลตามเดิม ออกทรงสวยๆ ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตยยืนข้างประชาชนแต่รู้ดีว่าโอกาสไปต่อยากไม่ต่างกัน เพราะยังเป็นรถคันเก่าอะไหล่เดิม แค่เปลี่ยนคนขับ ฉะนั้นเพื่อไทยจะไปได้ก็ต่อเมื่อถึงจังหวะสาม เปลี่ยนรถหรือยกเครื่องเปลี่ยนอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนแน่ๆคือก้าวไกล พรรคดิจิทัลที่กลายเป็นผู้มาก่อนกาล “สัมภาระ” ในหมากกระดานนี้ที่ยังเต็มไปด้วยพรรค “อนาล็อก”ทั้งสิ้นสุดท้ายพรรคก้าวไกลคงหนีไม่พ้นโดนรุมกินโต๊ะ ภาพที่เห็นลางๆคือกระเด็นกระดอนหลุดวงโคจรอำนาจแน่นอนว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ยังเป็นผู้กำหนดกฎ กติกา แต่ไม่เคยกำหนดเรื่องมารยาทการเมือง จะขยับเข้ามาแทนที่โดยมีเพื่อไทยยืนปักหลักอยู่ดังนั้นจังหวะสามอาจชุลมุนอีกรอบ เพราะยังมีสิทธิลุ้นทุกพรรค จัดตั้งรัฐบาลได้หลายสูตร ปล่อยให้ก้าวไกลไปรอดูอยู่ที่นั่งฝ่ายค้าน สร้างความเดือดดาลให้ติ่ง ด้อมส้ม ประชาชนคนทั่วไปอีกรอบ เพื่อไทยเองก็จำเป็นต้องปิดจ๊อบให้เร็ว แต่ตำแหน่งนายกฯจะอยู่ตรงไหนขึ้นอยู่ที่ใครเป็นคนกำหนดเกม และชัยชนะของเกมคืออะไร นั่นคือปัจจัยสำคัญส่งผลต่อตำแหน่งนายกฯก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำรัฐบาลบนภารกิจที่สู้อุตส่าห์เสี่ยงตายวายวอดเพราะมีเงื่อนไขบางอย่างที่อยู่นอกเหนือสมการการเมืองแต่ถึงยังไงก็ยังอยู่ใน 2 ช้อยส์ ถ้าไม่ใช่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หรือ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ของพรรคเพื่อไทย ก็จะเป็น 2 ลุง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯแน่นอนว่าจะเกิดอาการคับข้องคาใจสังคมอีกครั้ง ไม่ว่าจะลงเอยแบบไหนดูแล้วก็ไม่เป็นไปตามครรลองเพราะสุดท้ายอำนาจก็วนกลับไปสู่เครือข่ายเดิมๆ.ทีมข่าวการเมือง