กว่าประวัติศาสตร์จีนจะเขียนคำว่า “ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิง” จูหยวนจาง ลูกชาวนาจนๆ จะรวมพลคนเก่งๆมาทำงานใหญ่ ระดับกู้แผ่นดิน ให้พ้นจากอำนาจราชวงศ์หยวนของมองโกลได้ เขาต้องใช้ “ยิ้ม” ไปนับไม่ถ้วนเรื่องเล่า “ยิ้ม” ต่อไปนี้ น่าจะตั้งชื่อว่า ยิ้มเพื่อรักษาชีวิตให้รอด(ยิ้มเหนือผู้พิชิต เหวย ถงเลี่ยง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ แปล สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ พ.ศ.2552)รู้ข่าว กัวจื่อชิง เด็กเลี้ยงวัวร่วมรุ่น รวบรวมผู้คนได้เป็นกองทัพใหญ่ จูหยวนจาง ก็เข้าไปสมัครเป็นลูกน้อง ผลงานการรบด้วยความกล้าหาญ ผสมกลอุบาย จูหยวนจาง รบชนะมากครั้งกัวจื่อชิง ตั้งใจผูกใจไว้ใช้ ยกบุตรสาวบุญธรรมให้เป็นฮูหยินนักรบธรรมดา พลิกฐานะบุตรเขยแม่ทัพ ไม่เพียงคนทั่วไปอิจฉา บุตรชายสองคนของกัวจื่อชิง ก็ยิ่งอิจฉา แผนแรกหาเรื่องใส่ร้าย กัวจื่อชิงหลงเชื่อ สั่งจับจูหยวนจางขังเงียบเคราะห์ดี ฮูหยินและแม่ยาย วิ่งเต้นช่วยเหลือให้รอดมาได้แผนสอง ลวงฆ่า...สองบุตรชายแม่ทัพเชิญไปเสพสุรากินเลี้ยงนอกเมือง เพื่อนสนิททักไม่ควรไป จูหยวนจางหัวเราะ “ข้าก็อยากรู้ เด็กน้อยสองคน จะมีน้ำยาทำอะไรข้า” แล้วขี่ม้าไปกับสองคุณชายแบบไม่หนาวร้อนระหว่างทางจูหยวนจางก็แสร้งสนทนาฮาเฮ คล้ายไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนแล้วจู่ๆ เขาก็หยุดม้า กระโดดลงจากหลังม้า หันหน้าขึ้นฟ้าพูดพึมพำ สีหน้าเดี๋ยวตื่นตระหนก เดี๋ยวปลื้มปีติ คล้ายกับเห็นบางสิ่งบางอย่าง จากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังม้าหวดแส้ควบกลับสองคุณชายรับมุกไม่ทัน ตะโกนถาม “นัดมากินเลี้ยง ไฉนจึงกลับกลางคัน” จูหยวนจางตวาดใส่ “ข้าไม่เคยล่วงเกินพวกท่าน ไฉนคิดทำร้ายข้า”“เราเชิญท่านมากินเลี้ยง อะไรทำให้คิดว่าเราคิดทำร้ายท่าน” สองคุณชายยังยืนยันเจตนาเดิมจูหยวนจางแค่นหัวเราะ “เคราะห์ดี เทพยดาบนสวรรค์บอกข้า พวกเจ้าใส่พิษในสุรา สั่งข้าให้กลับทันที พวกเจ้าไม่ต้องแก้ตัว” พูดจบก็ควบม้าต่อทิ้งสองคุณชายตระหนกอกสั่นหลั่งเหงื่อโซมหลัง กระซิบกระซาบกันเอง “ในสุรามีพิษ เป็นแผนลับของเรา ไฉนเขาจึงรู้? หรือว่ามีเทพยดาบอกเขาจริงๆ”นับแต่นั้นมา เมื่ออยู่ต่อหน้าบิดา สองคุณชายไม่กล้าพูดจาให้ร้ายจูหยวนจางอีก ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ทัพ พ่อตา กับ จูหยวนจาง ลูกเขย ก็กลับมาเหมือนเดิมเรื่องนี้แม้ดูจะสับสนซับซ้อน แต่สำเร็จลุล่วง ทำลายแผนร้ายคุณชายทั้งสองได้นี่ก็คือ อีกหนึ่งในกโลบายยิ้ม ซึ่งถูกจำแนกเป็นภาคปฏิบัติสำหรับกโลบายยิ้ม ภาคทฤษฎี เหวย ถงเลี่ยง ยกคำพูดของจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) ที่ว่า อันวิถีแห่งสงครามนั้น โจมตีจิตใจคือยุทโธบายประเสริฐสุด โจมตีเมืองคือยุทโธบายรองลงมากโลบาย “ยิ้ม” คือยุทโธบายทำสงครามจิตการเมืองเมืองไทย ในการแถลงข่าว 8 พรรคร่วมรัฐบาล ครั้งที่สอง...ยิ้มของคุณพิธา พรรคก้าวไกล กับยิ้มของหมอชลน่าน พรรคเพื่อไทย...และสองมือที่จับกระชับแน่น ผมมองเห็นเป็นการโจมตีที่ใจของพรรคตรงข้ามใคร? ที่ดูแคลนว่า 8 พรรคร่วมจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ผมเชื่อว่า หากยังยิ้มกันต่อไป ชัยชนะก็น่าจะอยู่ไม่ไกลเกินมือเอื้อม.กิเลน ประลองเชิง