“รมว.เฉลิมชัย” ห่วงประชาชนและเกษตรกร สั่งกรมชลประทานงัดแผนบริหารจัดการน้ำและวางแผนเก็บกักน้ำให้มากที่สุด เตรียมรับมือ “เอลนีโญ” เน้นย้ำกรม ชลประทานและโครงการชลประทานทั่วประเทศ ปฏิบัติตาม 12 มาตรการฤดูฝนปี 2566 ของ กอนช. ด้านอธิบดีกรมชลประทานกำชับโครงการชลประทานทั่วประเทศเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าภายหลังจากกรมอุตุนิยมวิทยามีคำเตือนให้ระวังสภาพอากาศที่คาดว่าจะมีฝนตกน้อยกว่าค่าปกติและปรากฏการณ์เอลนีโญ ช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.66 รวมถึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดพายุหมุนเขตร้อนจะเคลื่อนเข้าสู่ไทยในภาคอีสานและภาคเหนือช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. เป็นการส่งสัญญาณว่าไทยอาจเผชิญสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งมากขึ้นทั้งที่เป็นช่วงฤดูฝนนั้นเมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากคำเตือนดังกล่าวจึงมีความห่วงใยประชาชนและเกษตรกร ได้สั่งการให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด เร่งเก็บกักน้ำทั่วประเทศ ควบคู่ไปกับการเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝนปีนี้ ทั้งได้เน้นย้ำให้กรมชลประทานและโครงการชลประทานทั่วประเทศ ปฏิบัติตาม 12 มาตรการฤดูฝนปี 2566 ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ หรือ กอนช. รวมทั้งเตรียมรับมืออุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นด้วยการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ กำหนดผู้รับผิดชอบพื้นที่เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบ ประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันติดตามสถานการณ์น้ำ ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนไว้ล่วงหน้า ตลอดจนจัดสรรทรัพยากร เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำและอื่นๆ ที่ประจำอยู่ทั่วประเทศให้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ตลอดเวลาอีกด้วยด้านนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศเฝ้าระวัง ติดตาม ประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ที่สำคัญให้เร่งเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำที่กรมชลประทานได้ปรับปฏิทินเพาะปลูกให้เกษตรกรได้เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนฤดูน้ำหลากจะมาถึง ปัจจุบันกรมชลประทานได้ส่งน้ำเข้าระบบชลประทาน เพื่อให้เกษตรกรได้เพาะปลูกแล้ว และจะเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ทันก่อนน้ำหลากในช่วงกลางเดือน ก.ย. เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากอุทกภัยอธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังกำชับให้โครงการชลประทานทุกแห่งปฏิบัติตามมาตรการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2566 ที่กรม ชลประทานกำหนด ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรการรองรับฤดูฝนปี 2566 ที่ กอนช.กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด ยืนยันว่ากรมจะมีน้ำสำรองไว้ใช้ในช่วง 3 เดือน คือ เดือน พ.ค.-ก.ค.และยังได้นำ 12 มาตรการรับฤดูฝนของ กอนช.มาปรับเป็น 6 แนวทางปฏิบัติ ประกอบด้วย 1.กักเก็บเต็มประสิทธิภาพ 2.คาดการณ์พื้นที่เสี่ยง 3.หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง 4.ระบบชลประทานเร่งระบาย 5.เตรียม พร้อมเครื่องมือเครื่องจักร 6.แจ้งเตือนและประชา สัมพันธ์ รวมถึงกำชับให้ทุกพื้นที่ติดตามสถาน การณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้มีการจัดสรรทรัพยากร เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และอื่นๆ ที่ประจำอยู่ทั่วประเทศรวม 5,382 หน่วย กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ตลอดเวลานายประพิศยังกล่าวอีกว่า สำหรับการแจ้งเตือนตามประกาศของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติฉบับที่ 4/2566 ลงวันที่ 23 พ.ค.2566 ที่คาดการณ์ว่ามรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณฝนตกเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-1 มิ.ย.ในพื้นที่ 21 จังหวัดของทุกภาคนั้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่กรมชลประทานดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 ของ กอนช. อย่างเคร่งครัด และให้เตรียมรับมืออุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนไว้ล่วงหน้า ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พ.ค. 66) กรมชลฯรายงานว่า มีปริมาณน้ำรวมกัน 43,707 ล้าน ลบ.ม. หรือ 53% ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 34,790 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 12,191 ล้าน ลบ.ม. หรือ 49% ของความจุอ่างฯรวมกัน