เจอเรื่อง “ไปดูเขาเชิดหุ่น” ในหนังสือสายธารแห่งปัญญา (บุญศักดิ์ แสงระวี แปล สำนักพิมพ์ ก.ไก่ พ.ศ.2535) ถ้าไม่อ่าน ในวันสองวันนี้ เรื่องก็คงไม่มีรสชาติที่ลานกว้างหน้าวัด มีไม้กระดาน ผ้าใบ ตั้งเวทีขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ฆ้องกลองกำลังส่งเสียงดังสนั่น ละครหุ่นกำลังจะเริ่มแสดงไป๋ซู่เจิน ดื่มเหล้าเหลืองในตอนเที่ยงวัน แล้วลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายลงบนพื้น ชั่วอึดใจเดียวร่างสาวงามก็กลายเป็นงูขาวใหญ่ ทำเอาสี่เซียนผู้เป็นสามีเข่าอ่อน สั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความกลัวไป่เฮ่อกับกุ้ยฮวา เด็กหญิงสองคนพี่น้อง นั่งเบียดกันอยู่บนม้าตัวหนึ่ง เหมือนถูกตะปูตรึง นัยน์ตาจ้องดูไป๋ซู่เจินบนเวทีอย่างไม่กะพริบ ดูเข็มขัดปักดิ้นทองของหล่อน ดูผิวเนื้อที่ขาวสะอาดของหล่อนสองพี่น้องชอบไป๋ซู่เจินมากความจริง นิทานเรื่องนางพญางูขาว ปู่เคยเล่าให้สองพี่น้องฟังนับครั้งไม่ถ้วน ในงานวัดทุกงานก็จะมีคณะงิ้วนำเรื่องนี้มาแสดง แต่การแสดงของคณะหุ่นคราวนี้ ไม่เหมือนกับคณะงิ้วคนพากย์พากย์ด้วยถ้อยคำตลกคะนอง หยอดมุกถูกใจ เด็กๆหัวเราะกันไม่หุบปาก ทำให้ละครหุ่นเรื่องนางพญางูขาวครั้งนี้ สนุกสนานครึกครื้นกว่าทุกครั้งบนเวทีมีเสียงดัง “วืด” ใหญ่ ไป๋ซู่เจินถูกนำไปขังในเจดีย์เหลยเฟิงแล้ว สี่เซียนไม่อาจจะพบหน้าภรรยาสุดที่รักของเขาได้ต่อไปอีกเขาร้องไห้ครวญครางอยู่ข้างเจดีย์ ปิ่มว่าจะขาดใจแต่ทุกสิ่งสำหรับสี่เซียน พระเอกของเรื่อง ดูจะสายเกินไปการแสดงใกล้จะยุติ เสียงฆ้องกลองโหมกระหน่ำกันขนานใหญ่ ครั้นแล้ว เสียงทั้งหมดก็เงียบหายไปฉับพลันทันที การแสดงละครหุ่น วันนั้น ก็จบสิ้นลงเสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นแทนที่ ขณะคนดูทั้งหลายก็ยังจมอยู่โลกตรงหน้าซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไป ไป่เฮ่อคว้ามือกุ้ยฮวา ทั้งจูงทั้งลากไปหลังโรง ตั้งใจไปดูไป๋ซู่เจิน ที่เธอเพิ่งเห็นกับตาว่าสวยหยาดเยิ้มจับใจเหลือเกินผิดคาด...สิ่งที่สองพี่น้องเห็น หุ่นไป๋ซู่เจิน เสี่ยวชิง และสี่เซียน นอนระเกะระกะอยู่บนหลังหีบ หุ่นสามตัวนัยน์ตานิ่งสนิท เฉยเมยเหมือนปลาตาย ความน่ารักน่าสงสารไม่เหลือให้เห็นอยู่อีก“โธ่! เราลืมไปว่า มันเป็นหุ่น” กุ้ยฮวาร้อง เมื่อได้สำนึก “เราเผลอนึกว่ามันมีชีวิตเหมือนเรา”ถ้าผู้ใหญ่สักคนยืนอยู่ใกล้ เขาคงบอกสองพี่น้อง...“ใช่ มันเป็นหุ่นเชิด คนไปเชิดมัน มันจึงเคลื่อนไหวได้แม้ว่ามันเคยมีชีวิตชีวา เคยโผผินอยู่ก่อน แต่ถ้าคนเชิดวางมันลง มันก็แค่หุ่นไร้ชีวิต”เรื่องเล่าเรื่องนี้ มีบทสรุปสอนตอนท้าย...ชีวิตคนแท้ที่จริง ก็เหมือนดังหุ่น ถ้ายืดกุมเชือกอยู่ในมือ ไม่สับสนวุ่นวาย ก็เชิดได้อย่างเสรีเต้นหรือหยุดอยู่กับเรา ไม่ถูกชักใยโดยคนอื่น จึงหลุดพ้นไปจากเวทีนั้นละครหุ่นเรื่องนางพญางูขาว...ดูเมื่อไหร่ก็เศร้า ผู้หญิงหรือเด็กหญิงใจอ่อน มักเสียน้ำตาแตกต่างจากละครการเมืองเมืองไทย ที่กำลังร้องเล่นเต้นโลดกันเต็มที่ จนดูไม่รู้ใครพระเอกใครผู้ร้าย ไม่รู้จะรักจะชังใครฝ่ายไหน ตอนจบไม่ต้องเดาก็รู้ว่า เป็นฉากรักหวานซึ้งสองบรรยากาศนี้ ชัดเจนเป็นเรื่องจริงแต่ความจริงยิ่งกว่า แต่ละฉากแต่ละบทที่เล่นกันมา ก็เป็นแค่ละครหุ่นฉากหนึ่ง เรื่องดีไม่ดีอยู่ที่ใครเชิดดีกว่าใคร.กิเลน ประลองเชิง