สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษได้ตั้งเป้าที่จะเป็นประเทศแรกในโลกที่จะจูงใจให้พลเมืองลดละเลิก “บุหรี่” ด้วยการใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” มาทดแทนโดยกรณีนี้ กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า กระบวนการเฟสแรกจะเป็นการแจกบุหรี่ไฟฟ้าชุดเริ่มต้น (Starting Kit) ให้กับคนสูบบุหรี่ในอังกฤษประมาณ 1 ใน 5 และคนเหล่านี้จะได้รับคำแนะนำอย่างต่อเนื่องเรื่องการเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อช่วยให้เลิกบุหรี่ในที่สุดแม้กำหนดการยังไม่ชัดเจน แต่รัฐบาลอังกฤษระบุว่า แผนดังกล่าวจะมีการเชิญหน่วยงาน ระดับท้องถิ่นมาร่วมดำเนินการแจกบุหรี่ไฟฟ้าฟรีในเฟสแรก ก่อนขยายกรอบการดำเนินการไปทั่วประเทศภายในกรอบระยะเวลา 2 ปี ใช้งบประมาณเบื้องต้นประมาณ 45 ล้านปอนด์ หรือกว่า 1,917 ล้านบาทแต่ขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามการขายบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายและการป้องกันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนต่ำกว่า 18 ปี (หลังพบว่าเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มเด็กมัธยม) ขณะที่กลุ่มรณรงค์เรื่องการสูบบุหรี่ต้องการให้รัฐบาล ออกมาตรการเพิ่มเติมไปอีกขั้น เช่น การห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ภายนอกอาคาร อย่างชายหาด หรือลานเบียร์พร้อมเสนอไอเดียในลักษณะคล้ายกับนิวซีแลนด์ นั่นคือการเพิ่มอายุขั้นต่ำในการซื้อบุหรี่จาก 18 ปี ให้เพิ่มขึ้นไปทุกๆปี ซึ่งย่อมหมายความว่าเด็กที่เกิดในยุคหลังจะไม่มีโอกาสซื้อบุหรี่ได้อีกก่อนหน้านี้ อัตราการสูบบุหรี่ในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 13% ในปี 2564 ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าอยากให้ต่ำกว่า 5% ภายในปี 2567 และบรรลุเป้าหมายประเทศปลอดบุหรี่ภายในปี 2573 แต่ในรายงานรณรงค์หัวข้อ “การทำให้บุหรี่เป็นเพียงอดีต” ในเว็บกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษประเมินว่าการบรรลุเป้าหมาย ประเทศไร้ควันบุหรี่อาจจะล่าช้าไปถึง 7 ปี หากรัฐบาลไม่มีมาตรการเสริมอื่นๆด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการตั้งเป้าหมายใหม่ หวังให้อัตราการสูบบุหรี่ให้ต่ำกว่า 5% ในปี 2573 พ่วงด้วยการแจกบุหรี่ไฟฟ้า 1 ล้านชิ้น และเงินสนับสนุน 400 ปอนด์ หรือกว่า 17,073 บาทให้สตรีตั้งครรภ์เลิกบุหรี่อย่างไรก็ตาม อังกฤษเน้นย้ำว่า กรณีนี้ ใช่ว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” จะเป็นเรื่องดี ยังคงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่กระสุน เงินปราบมารที่จะมาเป็นสูตรสำเร็จในการเลิกบุหรี่...อีกทั้งก็ไม่มีผลการวิจัยในระยะยาวว่าสูบนานๆแล้วจะส่งผลกระทบเช่นไร.ตุ๊ ปากเกร็ด