คดีหนึ่งหญิงสามชายต่อไปนี้ อ่านๆไปอย่าเผลอคิดไปถึงสมัยพระเจ้าโซโลมอนของยิว หรือสมัยเปาบุ้นจิ้น แต่เป็นคดีของ หลอก้วนจง (หลอก้วนจง ผู้ให้กำเนิดสามก๊ก บุญศักดิ์ แสงระวี แปล สำนักพิมพ์แสงดาว พ.ศ.2563)ที่หมู่บ้านตระกูลจู้ อยู่ทางประตูตะวันออกของเมืองฉางชิง มีครอบครัวยากจน พ่อบ้านชื่อจูต้าหลาง แม่บ้านชื่อจูต้ามา มีลูกสาวสวยมาก ผู้เขียนใช้คำว่า งามเหมือนเทพธิดาจุติมาเกิด วัย 18 ปี...ชื่ออี้ฟางแน่นอน สาวสวยระดับนี้ก็ต้องมีผู้ชายมากมายหมายตาปัญหาบ้านนี้ แค่ จูต้าหลาง ผู้พ่อ อยากได้เขยขุนนาง เพื่อความมีหน้าเป็นตา...แต่จูต้ามา ผู้แม่ อยากได้เขยเศรษฐี เพราะอยากมีเงินใช้สบายๆ ก็ยุ่งพอดู ยิ่งยุ่งไปใหญ่ เมื่อสาวอี้ฟางสมัครรักใคร่กับ “อาเหมา” ชายยากจนและแล้ว เพื่อนบ้านที่ช่วยกันลุ้นก็ได้เรื่องระทึกใจ ข่าวใหญ่ จูต้าหลาง ยกอี้ฟาง ให้หวางซิ่วฉาย ปัญญาชนแววขุนนาง คนหมู่บ้านเดียวกัน จูต้ามา ผู้แม่ก็ตกปากยกให้คุณชายน้อย บ้านเศรษฐีจางต่างหมู่บ้านถึงวันนั้น ว่าที่ขุนนางบ้านหวาง และชายน้อยเศรษฐีบ้านจาง ก็ยกขบวนหอบสินสอดมีค่าเอามาให้ถึงบ้าน ขณะพ่อแม่ตั้งแง่ไม่ยอมกัน ลูกสาวก็ร้อนใจ รีบไปบอกอาเหมาอาเหมา จับไก่มาได้สองตัว จับปลาได้เข่งใหญ่ ก็หอบหิ้วเอามา อย่างน้อย แสดงสิทธิจับจองชาวบ้านได้ลุ้นกันต่อ หวางซิ่วฉาย มีความรู้ เขียนคำร้องยื่นนายอำเภอ กล่าวหาเศรษฐีจางและอาเหมาจะมาแย่งคู่หมั้น เศรษฐีจางมีเงินก็รีบจ้างทนาย เขียนคำร้อง แก้ต่างยื้อสิทธิไว้ส่วนอาเหมาไม่มีความรู้หนังสือ แต่ใจสู้ รีบเดินทางไปอำเภอเพื่อขอความเป็นธรรมหลอก้วนจง เป็นนายอำเภอฉางชิง เรียกสามฝ่าย มาสอบถามถึงที่ว่าการหลอก้วนจง วางหลักคิด...หากเขาตัดสินผิด สาวอี้ฟางไปอยู่กับชายที่ไม่รักจริง เท่ากับส่งไปตกนรกทั้งเป็น จะเป็นบาปหนัก เขาจึงพยายามหาวิธีที่ตัดสินให้ถูกต้องที่สุดระหว่างที่กองเชียร์อื้ออึง ทั้งสามฝ่ายต่างให้การเข้าข้างตัวเอง เสียงเซ็งแซ่หลอก้วนจง ตบโต๊ะพลางตวาด “เรื่องวุ่นวายนี้ เกิดจากสาวจูอี้ฟาง คนเดียว ก่อนจะตัดสินให้ใคร จำเป็นต้องลงโทษโบย 20 ที เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างก่อน”สิ้นคำสั่ง จ่าศาลก็คุมตัวสาวจูอี้ฟางไปห้องเครื่องทรมาน ไม่เพียงสาวจูอี้ฟางจะตกใจ เหตุไฉน ตัวเองจึงเป็นจำเลยไปได้ คู่กรณีสามชาย ก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปด้วยกันสาวจูอี้ฟางดิ้นรนร้องกรี๊ดเสียใจเข้าไปภายใน ไม่นานก็มีเสียงโบย ตามมาด้วยเสียงร้องของสาว เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเริ่มแผ่วลงเบาลง จนเงียบหายจ่าศาลเดินออกมารายงาน สาวจูอี้ฟางทนการโบยไม่ไหว ตายแล้วหลอก้วนจงมีท่าทีตกใจ ชาวบ้านส่งเสียงโห่ร้องก่นด่า นายอำเภอตบโต๊ะตวาดใส่หวางซิ่วฉาย “เจ้าเป็นคนร้องก่อน ฉะนั้นศพอี้ฟาง เป็นภาระของเจ้า เจ้าต้องเอาไปฝัง” หวางซิ่วฉายปฏิเสธเศรษฐีจางพ่อชายน้อย จึงเป็นรายต่อไป ผลเป็นเช่นเดียวกัน เขาปฏิเสธไม่ยอมรับศพ ทั้งรีบลนลานขอลาในที่ประชุมนั้น จึงเหลืออาเหมา ชายหนุ่มยากไร้คนเดียว อาเหมาคุกเข่าร้องไห้ ปากก็ด่าหลอก้วนจงโหดร้าย แต่เขาขอรับศพสาวคนรักไปฝังอย่างเต็มใจคดีหนึ่งหญิงสามชาย จบลงตรงนายอำเภอตัดสินคดีให้อาเหมาชนะ และรับเป็นเจ้าภาพจัดงานแต่งให้ชาวบ้านโห่ร้องชื่นชมยินดี ยินดีที่สองหนุ่มสาวได้แต่งงานกันสมใจ และยินดีที่มีนายอำเภอเก่งใช้กลเม็ดตัดสินคดีได้อย่างยุติธรรมคำยุติธรรม เขียนง่ายนะครับ แต่ทำจริงยาก บางบ้านเมืองใกล้ๆ มีแต่ข่าวความยุติธรรมเข้าข้าง คนรวยคนใหญ่ ผมได้ยินคำยุติธรรมแบบไทยๆ จะหัวเราะก็ไม่ได้ จะร้องไห้ก็ไม่ออก.กิเลน ประลองเชิง