เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งที่ 1/2566 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 กำหนดแนวคิดในการรณรงค์ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” เน้นกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และกลุ่มเยาวชน โดยให้ความสำคัญกับอำเภอที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุ มีนายอำเภอเป็นแกนนำในนาม “นายอำเภอนักรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน” และเน้นให้มีการประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2565 “เมาขับ ผิดซ้ำ จำคุก” อีกทั้งขับเคลื่อนให้ทุกหน่วยงานจัดกิจกรรมสงกรานต์ โดยจัดพื้นที่เล่นน้ำแบบปลอดภัยและปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงคัดกรองผู้ที่ดื่มสุรา ณ ด่านชุมชน เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงระดับชุมชน และด่านครอบครัว เน้นย้ำให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานคนในครอบครัวไม่ดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด กรณีศาลสั่งคุมประพฤติในฐานเมาแล้วขับ ส่งต่อผู้กระทำผิดทุกรายที่ยินยอมเข้ารับการบำบัดรักษา รวมถึงมอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบย้อนกลับเพื่อดำเนินคดีกับร้านค้าทีจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีด้านนางอภิญญา ชมภูมาศ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ในส่วนของ พม.บังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ และ พ.ร.บ.หอพัก ร่วมขับเคลื่อนกับคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยทำงานบูรณาการกับจังหวัดที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันจะมีระบบการเช็กลิสต์ในประเด็นที่อยากให้จังหวัดดำเนินการ ที่ผ่านมายอมรับว่าการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก เอาผิดร้านค้าที่ขายน้ำเมาให้เด็กและเยาวชนมีการดำเนินการได้ค่อนข้างน้อย เป็นความยากในการไปเอาผิดกับร้านค้าที่จำหน่ายสุราให้แก่เด็กซึ่งทางตำรวจได้เสนอแนวทางและกลไกในพื้นที่ช่วยกันดูแล ส่วนกรณีพบเด็กเกิดอุบัติเหตุทางถนนแล้วพบว่าเมา ก็มีการสืบย้อนรอยต้นตอถึงร้านค้า แต่ส่วนใหญ่มักจะปกปิดไม่บอกข้อมูลว่าไปเที่ยวที่ไหนหรือซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจากร้านไหน จึงเป็นความยากในการเอาผิด ดังนั้นแนวทางสำคัญคงต้องมุ่งเน้นให้ความรู้สร้างความตระหนัก.