อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่เริ่มปลูกในประเทศไทยมาเมื่อปี 2505 ในเขตภาคเหนือตอนล่าง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก และสถานีทดลองพืชสวนพบพระ กรมวิชาการเกษตร ต่อมามีการสนับสนุนปลูกให้เป็นพืชเศรษฐกิจเด่นของจังหวัดตาก มีเป้าหมายสร้างให้เป็น “City of Avocado” และผลักดันให้เป็นพืชอัตลักษณ์ของจังหวัด แต่อย่างไรก็ตาม การผลิตอะโวคาโดของเกษตรกรยังประสบปัญหาด้านการคัดเลือกพันธุ์ดี ผลผลิตด้อยคุณภาพจากต้นที่ปลูกจากเมล็ด ขาดองค์ความรู้ในการขยายพันธุ์ การจัดการพันธุ์ดี เกิดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช ขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดการผลิต การปฏิบัติดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว มีการจัดการสวนไม่ถูกวิธี ส่งผลถึงการจำหน่ายที่กำหนดราคาไม่ได้กรมวิชาการเกษตรมีข้อแนะนำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกอะโวคาโด...การคัดเลือกพันธุ์ดี โดยวิธีการขยายพันธุ์แบบเสียบยอด คัดเลือกสายต้นที่เหมาะสำหรับเป็นต้นตอพันธุ์ดี จากสายต้นอะโวคาโดที่มีลักษณะดี โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือก รสชาติมัน ปริมาณเนื้อมากกว่า 65% เปลือกหนามากกว่า 0.02 ซม. เพราะเป็นที่ต้องการของตลาด และขยายพันธุ์อะโวคาโดพันธุ์ดีที่คัดเลือกได้ ด้วยการเสียบยอดพันธุ์ดีกับต้นตอที่ปลูกจากเมล็ด สำรวจการระบาดและป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟในอะโวคาโด ใช้สารสไปนีโทแรม อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นสลับกับสารอิมิดาโคลพลิด อัตรา 8 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร และ ปิโตรเลียมออยล์ ตัดแต่งกิ่งอะโวคาโดแบบเปิดกลางเป็นวิธีการตัดแต่งกิ่งที่ทำให้ทรงพุ่มโปร่ง ตัดกิ่งไม่สมบูรณ์ กิ่งแคบ กิ่งเป็นโรค ทำให้ได้รับแสงเต็มที่ กิ่งมีการเจริญเติบโตดี จะให้ผลผลิตสูง ควบคุมโรครากเน่าและโคนเน่าโดยใช้ชีวภัณฑ์ที่ผลิตได้จากเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส และเชื้อไตรโคเดอร์มา เชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 สามารถรักษาโรครากเน่าโคนเน่าของอะโวคาโดซึ่งเป็นโรคชนิดเดียวกันที่เกิดกับทุเรียน วิธีการรักษาโดยลอกเปลือกบริเวณที่เป็นโรคและทาด้วยผลิตภัณฑ์ผงเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 จำนวน 4 ครั้ง รวมทั้งใช้เข็มฉีดเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 จำนวน 1 ครั้ง และใช้เชื้อไตรโคเดอร์มาราดรอบโคนต้น การป้องกันกำจัดด้วงหนวดยาวเจาะลำต้นให้ใช้วิธีผสมผสาน สำรวจการเข้าทำลาย การวางไข่ สังเกตจากขุยไม้ซึ่งเป็นมูลของหนอนที่ขับถ่ายออกมาระหว่างกัดกินในเปลือกไม้ ถ้าพบการระบาด ทำการกำจัดตัวเต็มวัย โดยใช้ไฟส่องจับตอนกลางคืน ใช้ตาข่ายดัก จับตัวเต็มวัยตอนกลางวัน พ่นสารฆ่าแมลง ฉีดพ่นเข้าในรูหนอน และป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้ ตัวหนอนเจาะกัดกินผล โดยดูแลรักษาแปลงปลูกให้สะอาด ตัดวงจรชีวิตและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ ตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง แขวนกับดักเมธิลยูจินอล ผสมมาลาไธออน 83% อีซี อัตรา 4 : 1 ใต้ทรงพุ่ม ใช้เหยื่อพิษ และห่อผลเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ถูกวิธี เก็บ เกี่ยวผลแก่ โดยสังเกตใบเลี้ยงที่ขั้วผล เปลี่ยนสีจากเขียวเป็นเขียว-เหลือง หรือเหลืองแก่ เส้นใบเข้ม มีลวดลายเด่นชัด ขั้วผลเปลี่ยนสีเขียว-เหลือง หรือเหลืองเข้ม เมื่อเปิดขั้วผลจะมีสีเหลืองอ่อนที่รอยต่อของขั้วผลกับผล ผิวผลจะนูนขรุขระเด่นชัด บางพันธุ์สีเขียวเข้มเป็นมัน บางพันธุ์เปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ สีแดงหรือเหลืองมีจุดประสีน้ำตาลตามผิวผล เมื่อสุกผลจะนิ่มหรือเปลี่ยนสี บ่มส่วนมากไม่เกิน 2-5 วัน และเมื่อผ่าผล เยื่อหุ้มเมล็ดด้านในเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและเมล็ดจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม บางพันธุ์เมื่อเขย่าผลจะมีเสียงคลอนของเมล็ด นับอายุผล ซึ่งผลจากต้นเดียวกันจะสุกแก่ไม่พร้อมกัน ขึ้นอยู่กับช่วงการผสมดอกและติดลูก...การเก็บผลทั้งต้นจึงต้องทยอยเก็บเฉพาะผลแก่และผลจากการที่เกษตรกรนำเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรไปใช้ ทำให้ได้ผลผลิตสูงถึง 5,000 กิโลกรัมต่อไร่ (25 ต้น/ไร่) จะสูงกว่ากรรมวิธีเดิมของเกษตรกรที่ให้ผลผลิตเพียง 2,500 กิโลกรัมต่อไร่ การทำลายของโรครากเน่า โคนเน่า เพลี้ยไฟ และหนอนเจาะลำต้นลดลงมากกว่า 50% นอกจากนี้ผลผลิตยังมีคุณภาพเพิ่มขึ้นมากกว่ากรรมวิธีเกษตรกร 50%ทำให้สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ราคา กก.ละ 50-120 บาท...ในขณะที่กรรมวิธีของเกษตรกรจำหน่ายได้ราคาแค่เพียง 15-20 บาท เนื่องจากต้นที่ปลูกจากเมล็ดผลผลิตจะด้อยคุณภาพ ทำให้จำหน่ายผลผลิตได้เพียงบางต้น.ชาติชาย ศิริพัฒน์