ไม่ได้สนับสนุนให้ผู้นำรัสเซียรุกรานยูเครน แต่เมื่อฟังสปีชของ “ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย” บนเวทีเสวนาฟอรัมใหญ่ของมอสโก “Valdai Discussion Club” เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2022 กระตุ้นให้ฉุกคิดว่า แท้จริงแล้วความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นทั้งโลกในขณะนี้ ล้วนเป็นผลจากความพยายามของมหาอำนาจตะวันตกที่ต้องการควบคุมโลก เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเองผู้นำรัสเซียชี้ว่า โลกกำลังเข้าสู่ยุคของความชุลมุนวุ่นวาย อันเนื่องมาจากการดิ้นรนอย่างหนักของชาติตะวันตกเพื่อรักษาฐานอำนาจและอิทธิพลของตัวเอง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการครอบงำโลกในทุกด้าน ทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม, ค่านิยม และการปกครองหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชาติตะวันตกภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นตำรวจโลกคอยตั้งกฎกติกาเพื่อปกครองโลก โดยเอาผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวกเป็นที่ตั้ง แต่ถ้าเรื่องไหนทำให้พวกตัวเองเสียประโยชน์ ชาติตะวันตกเหล่านี้ก็จะเฉไฉไม่ยอมปฏิบัติตามกฎกติกาเอาดื้อๆ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในยูเครน, การยั่วยุในไต้หวัน, ความปั่นป่วนของตลาดพลังงานและอาหารทั้งโลก ล้วนเป็นผลมาจากความพยายามของชาติตะวันตกในการควบคุมโลก ซึ่งจะไม่เป็นผลอีกต่อไปประธานาธิบดีปูตินแฉยับว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาชาติตะวันตกข่มขู่บังคับให้ชาติต่างๆ ต้องเปิดประเทศเสรี เพื่อรองรับการค้า, การเงินและการลงทุนเสรี เพราะถือว่าตัวเองมีแต้มเหนือกว่าในเรื่องเงินทุนและเทคโนโลยี แต่พอมีชาติอื่นๆ นำหน้าขึ้นมาบ้าง ชาติตะวันตกเหล่านี้ก็โยนหลักการค้าเสรีทิ้งไป เช่น กรณีของ “หัวเว่ย” ถูกอเมริกาแบน และรัฐบาลสั่งห้ามบริษัทมะกันส่งออกอุปกรณ์สำหรับการผลิตไมโครชิปให้โรงงานจีน จนผู้นำจีนต้องประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ของชาติมุ่งสู่การพึ่งพาตัวเองด้านเทคโนโลยีอย่างไรก็ดี เมื่อทุกคนตาสว่างขึ้น ผู้นำรัสเซียเชื่อมั่นว่าจะไม่มีชาติเอกราชใดที่คิดถึงประโยชน์ของตนเองและประชาชนเป็นใหญ่ จะต้องตกเป็นเหยื่อการครอบงำทางความคิดของชาติตะวันตกอีกต่อไป จะไม่มีใครนั่งเฉยอีกต่อไป แต่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อสร้างกติกาโลกใหม่ที่เป็นธรรมต่อทุกชาติ และปฏิบัติต่อทุกชาติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ต้องมาเชื่อฟังคำสั่งของชาติตะวันตกรัสเซียเองเป็นชาติเอกราช ที่มีอารยธรรมเก่าแก่เป็นของตัวเอง กระนั้น รัสเซียไม่เคยคิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับชาติตะวันตก ตรงกันข้ามกับผู้นำของชาติตะวันตกยุคปัจจุบัน ที่มีความเชื่อฝังแน่นในเรื่องลัทธิเสรีนิยม และมองคนที่คิดต่างว่าเป็นศัตรูไปซะหมดลัทธิเสรีนิยมเพิ่งเกิดขึ้นหลังชาติตะวันตกเหล่านี้ชนะสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งๆที่พวกเขาสำคัญตัวผิดว่าเหนือกว่าชาวโลก แต่กลับนิยมความรุนแรง และไม่อดทนต่อใครก็ตามที่คิดต่างจากพวกเขา จึงมีพฤติกรรมไม่ต่างจากลัทธิจักรวรรดินิยม คือทำตัวเป็นเจ้าอาณานิคมยุคใหม่ ภายใต้ลัทธิเสรีนิยมชาติตะวันตกเชื่อว่าพวกเขามีสิทธิที่จะกำหนดกฎกติกาเพื่อควบคุมความเชื่อและค่านิยมของคนทั้งโลก โดยอ้างบริบทของสิทธิมนุษยชน, เสรีภาพในการแสดงออก และเพศสภาพสำหรับเรื่องการรุกรานยูเครน ผู้นำรัสเซียยืนกรานว่า เขาแน่ใจว่าได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องในเรื่องของยูเครน และการตัดสินใจของเขาสามารถช่วยชีวิตประชาชนชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียได้นับแสนคน การสู้รบในยูเครนเป็นเสมือนสงครามกลางเมือง เพราะคนรัสเซียและยูเครนมีรากมาจากชนชาติสลาฟเหมือนกัน ดินแดนที่เป็นยูเครนในปัจจุบันก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ที่แยกตัวออกไปอย่างสันติ เมื่อสิ้นสุดยุคของสหภาพโซเวียต เช่นเดียวกับอีกหลายๆประเทศอเมริกาได้มาถึงจุดที่ไม่สามารถนำเสนอสิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ต่อโลกได้แล้ว แม้แต่ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรกับรัสเซีย เช่น อียู ก็โดนอเมริกาบงการและบ่อนทำลายล้างจนเศรษฐกิจแทบพังพินาศ ผู้นำรัสเซียยังส่งเสียงเตือนนานาชาติต้องระมัดระวังอเมริกาให้มาก เพราะการทำตัวเป็นผู้ปกครองโลกของอเมริกา เมื่อไม่ชอบหน้าใครที่คิดต่างจากตนเอง ก็จะหาเหตุเข้าแทรกแซงบ่อนทำลายล้าง โดยไม่คำนึงผลกระทบที่ตามมากติกาใหม่ของโลกควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับในความเชื่อและค่านิยมของแต่ละชาติ ต้องไม่มีใครไปบังคับให้ชาติตะวันตกต้องเชื่อตามสิ่งที่ตนเองเชื่อ ขณะเดียวกันชาติตะวันตกก็ไม่มีสิทธิไปบังคับชาติอื่นให้ต้องเชื่อฟัง.มิสแซฟไฟร์