“น้ำปู” เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการถนอมอาหารพื้นบ้านที่ได้จากธรรมชาติตามท้องทุ่งนา ปัจจุบันเป็นวัตถุดิบที่ค่อนข้างหายากจากปัญหาการใช้ยาฆ่าแมลงที่เพิ่มมากขึ้นนางสร้อย จันทร์ผา อายุ 83 ปี ชาวบ้านหมู่ 9 บ้านสันติสุข ต.น้ำร้อน อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เจ้าของสูตรเด็ดดั้งเดิมในการทำน้ำปูที่ใครได้ลิ้มรสแล้วต้องติดใจ เปิดเผยว่า เคล็ดลับการทำน้ำปูให้อร่อยก็คือ ต้องใช้ปูที่เกิดและโตในนาข้าวที่สำคัญต้องเป็นปูช่วงปลายฝนต้นหนาวคือ ช่วงระหว่างปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม เพราะเป็นช่วงที่ปูกำลังตั้งไข่และมีมันปูมาก ทำให้ปูมีความหอมหวานมันอร่อยถ้าเป็นช่วงเดือนอื่นๆ หรือเป็นปูนาเลี้ยง ชาวบ้านจะไม่นิยมทำกัน อาจเป็นเพราะความสมบูรณ์ของอาหารในธรรมชาติมีน้อยกว่าดังนั้น หากจะทำน้ำปูรสชาติเด็ดจริงๆ หนึ่งปีจะมีให้กินเพียงครั้งเดียวเท่านั้นส่วนขั้นตอนในการทำเริ่มจากออกหาปูนา ล้างทำความสะอาดให้หมด เสร็จแล้วเอาไปลวกในน้ำร้อน แกะเอากระดองปูออก เอาแต่ส่วนที่เป็นเนื้อและมันปูนำมาตำกับใบมะกรูด ตะไคร้ ข่า และขิง โขลกให้เข้ากันจนได้น้ำปูที่เข้มข้น แล้วตักมากรองเอาแต่น้ำปูเมื่อได้น้ำปูที่ต้องการก็นำไป ใส่กระทะตั้งไฟ โดยต้องใช้ระยะเวลาในการเคี่ยวนานไม่ต่ำกว่า 3-4 ชั่วโมงให้น้ำปูงวดลงไปเรื่อยๆ ขณะเคี่ยวน้ำปูจะมีกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายไหลหลังจากน้ำปูแห้งแล้วต้องรอให้เย็นเสียก่อนแล้วค่อยตักมากินกับข้าวร้อนๆ จะเป็นข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็อร่อยไม่แพ้กัน หากมีผักเป็นเครื่องเคียงก็จะดีไม่น้อยส่วนรสชาติน้ำปูที่ได้จะมีกลิ่นหอมของมันปู รสชาติหวานมันอร่อยได้อย่างลงตัว สามารถนำไปดัดแปลงทำเป็นเมนูต่างๆได้ตามความชอบของแต่ละคน สามารถเก็บไว้ได้นาน เพราะเป็นวิธีการถนอมอาหารด้วยความร้อน ทำให้ไม่บูดเสียง่ายใครสนใจอยากทำน้ำปูเก็บไว้รับประทาน หรือจะทำขายเป็นอาชีพก็ยินดีให้คำแนะนำทุกขั้นตอน ไม่คิดหวงสูตรแต่อย่างใด.รุ่งทิพย์ บุญบำรุง