ศาลอาญาธนบุรี พิพากษาจำคุก 6 ปี ปรับ 2 แสน 2 พันบาท ร.ต.อ.นายแพทย์ (สบ 1) กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.ตร. เมาแล้วขับซิ่งปอร์เช่ ป้ายแดง ชนท้ายเก๋งฮอนด้าซีวิค มีคนตาย 2 ศพ เจ็บสาหัสอีก 1 รายที่ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส บางหว้า ถนนราชพฤกษ์ เมื่อปี 64 ก่อนลดโทษกึ่งหนึ่ง รอลงอาญา 2 ปี พร้อมคุมประพฤติและทำงานบริการสังคม รวมทั้งเพิกถอนใบขับขี่และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่เหยื่อทั้งหมด 5.5 ล้านบาท ขณะที่ 1 ในผู้เสียหายหญิงที่บาดเจ็บระบุอยากให้กฎหมายเมาแล้วขับมีโทษหนักกว่านี้ที่ศาลอาญาธนบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.153/2565 ที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 4 และ น.ส.ผ่องเพชร สิริอิสสระนันท์ กับพวกรวม 4 คน ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องร.ต.อ.นพ.ภาณุรักษ์ รัตนไพศร นายแพทย์ (สบ 1) กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.ตร. เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อมในเวลาต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม ป.อาญา ม.291 ม.300 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522คดีนี้อัยการฟ้องว่า เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 29 ส.ค.64 จำเลยขับรถปอร์เช่ คาเยน สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ฆ-4078 กรุงเทพมหานคร ไปตามถนนราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กทม. ในขณะที่จำเลยเมาสุรามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและขับรถความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่กฎหมายกำหนด ก่อนพุ่งชนท้ายรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีดำ ทะเบียน 1 กฒ 3472 กรุงเทพมหานคร มีผู้โดยสารในรถเก๋งคันดังกล่าวเสียชีวิต 2 ศพ ประกอบด้วย น.ส.พรยมล แซ่ลิ่ม อายุ 29 ปี นายชาคริต สิริอิสสระนันท์ อายุ 75 ปี ส่วน น.ส.ผ่องเพชร สิริอิสสระนันท์ อายุ 44 ปี ผู้ขับขี่รถเก๋งคันดังกล่าวบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส บางหว้า ถนนราชพฤกษ์ ฝั่งขาออกมุ่งหน้าตลิ่งชัน แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กทม. ชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องลงโทษจำคุก 6 ปี ปรับ 202,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 101,000 บาท จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ฐานขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อมในทางสาธารณะหลังพระอาทิตย์ตกโดยผิดกฎหมายปรับ 1,000 บาทและให้คุมประพฤติมีกำหนด 1 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้งและทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 30 ชั่วโมง รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ด้วยและให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเงิน 2,000,000 บาท ส่วนโจทก์ร่วมที่ 3 และ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 2,000,000 บาทหลังเสร็จสิ้นนายกานต์พงศ์ สิริอิสสระนันท์ ลูกชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุราและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส เป็นเวลา 6 ปี ปรับ 202,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 3 ปี ปรับ 101,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี เตรียมยื่นอุทธรณ์คดีขอให้ศาลเพิ่มโทษจำคุกและไม่รอการลงโทษ เพราะเห็นว่าฝ่ายจำเลยไม่ได้รู้สึกผิดในการกระทำ มารับสารภาพระหว่างการสืบพยานชั้นศาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ให้การปฏิเสธมาตลอดเลยมองว่าผู้ก่อเหตุไม่มีความจริงใจด้าน น.ส.ผ่องเพชร ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า หลังเกิดอุบัติเหตุมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้ว ยังรักษาไม่หายเป็นปกติ เดินเหินไม่สะดวก ทางด้านคดีรู้สึกว่าไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรม กฎหมายบ้านเราลงโทษคดีเมาแล้วขับสถานเบาไม่เหมือนต่างประเทศ ทำให้เกิดคดีแบบนี้ซ้ำๆ อยากให้ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องเมาแล้วขับให้มีโทษหนักกว่านี้ เพื่อให้การก่อเหตุในลักษณะนี้ลดน้อยลง