เต็มที่กับทุกจังหวะใหม่ของชีวิต นักแสดงวัยรุ่นสุดฮอต “จูเน่–เพลินพิชญา โกมลารชุน” สุดดีใจ ได้เล่นภาพยนตร์เรื่องแรก “OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ” หนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ เรื่องล่าสุดจากค่าย GDH ร่วมมือกับ Hello Filmmaker และ iSM Bangkok จับคู่กับพระเอกหน้าใส “สกาย–วงศ์รวี นทีธร” ผลงาน การกำกับของผู้กำกับน้องใหม่มาแรง “พงศ์–ฐิติพงศ์ เกิดทองทวี”จากสาวน้อยมากความสามารถ ที่ก้าวมาเป็นที่รู้จักในภาพไอดอลสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปดัง BNK48 วันนี้ “จูเน่” เติบโตและค้นหาเส้นทางของตัวเองจนเจอแล้วว่า สิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองคือ “การแสดง” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ “จูเน่” พร้อมกระโจนเข้าหาและเข้าไปสัมผัสโลกแห่งการแสดงอย่างเต็มตัว กับภาพยนตร์เรื่องแรกนี้ “จูเน่” เผยความในใจว่า รู้สึกเหมือนฝัน ที่ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ เพราะตัวเองฝันมาตลอดว่าอยากเล่นหนังกับจีดีเอช หนูแคสเรื่องนี้ผ่านวิดีโอคอล ตอนนั้นเรียนอยู่ที่อังกฤษ บอกว่ามีบทนี้ของหนังเรื่องนี้ ผู้ใหญ่นึกถึงกลับมาไทยเมื่อไหร่ พอหนูได้ยินแค่นั้น ความฝันของหนูคืออยากเล่นภาพยนตร์ อยากเห็นตัวเองบนโปสเตอร์หนัง และยิ่งเป็น GDH หนูอยากรีบบินกลับตอนนั้น เป็นหนังเรื่องแรก ของทั้งจูเน่ และ “สกาย–วงศ์รวี นทีธร” และเป็นการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกของ พงศ์–ฐิติพงศ์ ผู้กำกับ ซึ่ง “จูเน่” เผยว่า “ในความครั้งแรกของหลายๆคน เราได้สร้างผลงานที่มีความใหม่ ด้วยเนื้อเรื่องมันลิงก์กับเราได้ง่าย เล่าถึงชีวิตวัยรุ่น วัยทำงาน ความรักความสัมพันธ์ที่ใกล้ตัวเรา หลายคนจะมีเหตุการณ์ในชีวิตที่บอกกับตัวเองว่า เอ๊ะ นี่ใครกำลังแกล้งเราอยู่รึเปล่า นี่พระเจ้ากำลังแกล้งเราอยู่รึเปล่า มันเป็นจังหวะชีวิต เรื่องนี้มีเรื่องราวที่เหมือนเราจะเดาได้ แต่มันมีอะไรไม่คาดคิดมาเสมอคาแรกเตอร์เรื่องนี้ จูน เป็นดาวคณะ เป็นเด็กผู้หญิงเฟรนด์ลี่ ติดตลก เป็นคนห้าวๆ มีเพื่อนผู้ชายเยอะ ซึ่งกายก็เป็นคนนึงที่เรารู้สึกว่าพอได้รู้จักแล้วรู้สึกว่าเคมีเข้ากันได้ กายแอบชอบจูน แต่พระเจ้าดันไปดลจังหวะที่ตอนจูนโสด กายก็มีแฟน ตอนกายโสด จูนก็มีแฟน มันไม่พอดีจังหวะกันซักทีเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนมาถึงวันที่กายจะมูฟออน ดันมาเจอจูนอีกครั้ง กายก็ค้นพบว่าเรายังไม่สามารถมูฟออนได้นี่ แต่จูนมีแฟนแล้ว คือพี่พีท หนุ่มเพอร์เฟกต์ ชายในฝันของสาวๆ เลยต้องติดตามว่ากายจะเอาจูนกลับมายังไงจะสู้ต่อมั้ย วันที่เราต้องมาสวมบท “จูน” มันมีเมจิกโมเมนต์บางอย่างเกิดขึ้นกับเรา และยิ่งได้มาเล่นคู่กับพี่สกาย-วงศ์รวี เรายิ่งสบาย ส่วนพี่พีช-พชร จิราธิวัฒน์ ก็เป็นพี่ใหญ่ที่การแสดงยอดเยี่ยม เวลาเข้าฉากด้วยกันทั้งพี่สกายและพี่พีชช่วยส่งอารมณ์ให้เน่เยอะมาก ทั้งคู่เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีมากๆ ส่วนพี่พงศ์ ผู้กำกับ ก็เป็นคนที่จูเน่ชื่นชม เพราะเขาทั้งเขียนบทเอง ทำแอ็กติ้งโค้ชเอง กำกับเอง ทำเองทุกอย่าง เวลาที่พวกเรานักแสดงไม่เข้าใจซีนไหน พี่พงศ์ก็จะอธิบายทุกอย่างให้พวกเราฟังจนเคลียร์ถามว่าได้เปิดโลกอะไรใหม่ๆ จากหนังเรื่องนี้ “จูเน่” เผยว่า “อย่างที่บอกว่าเป็นหนังเรื่องแรก เป็นหนังคอมเมดี้ ได้ทำงานกับหลายๆคนครั้งแรก เป็นกองที่แอดเวนเจอร์มาก สนุกแต่ก็หนักหน่วงอยู่ มีทั้งฉากดราม่ากับคอมเมดี้ กลายเป็นว่ารู้สึกว่าคอมเมดี้ยากกว่า จริงๆคนที่ใช้สกิลคอมเมดี้เยอะคือพี่สกาย ต้องทำหน้าตาเล่นใหญ่ ทางการแสดงเรียกว่า เอาต์เตอร์ ซึ่งเราต้องเข้าฉากกับเค้า ปกติไม่ใช่แค่การแสดงแต่เรื่องอื่นๆในชีวิตเรามักจะขับเคลื่อนด้วยอินเนอร์เสมอ เราต้องรู้สึกไปกับมันเราถึงจะทำมันได้ แต่กับคอมเมดี้ บางอย่างมันเป็นเหตุการณ์จังหวะ มันอาจจะยากตรงที่เราต้องเอามุมคอมเมดี้ในชีวิตจริงๆไปใช้ เหมือนเราได้ฝึกเอาต์เตอร์มากขึ้น ซึ่งยากเหมือนกันเพราะการเป็นนักแสดงที่ดีต้องทำทั้งสองฝั่งให้ดี ส่วนฉากกุ๊กกิ๊ก มันเป็นโรแมนติกคอมเมดี้มันต้องมีอยู่แล้ว ถามว่าเขินมั้ย มันคงมีช่วงแรกๆที่เราไม่ได้สนิทกับนักแสดง ที่เล่นด้วย แต่พอสนิทกันแล้วมันไม่มีความเขิน กับพี่สกายกับพี่พีช มันคือความสนิทจบกองแล้วยังนัดกันกินข้าวเจอกัน เป็นกองที่สนิทกันมากๆ จากวันที่มีจุดเปลี่ยนในชีวิต จากนักร้องมาเป็นนักแสดงถึงวันนี้ “จูเน่” มองก้าวที่ตัวเองเลือกว่า “เน่ไม่เสียดายกับการตัดสินใจทุกอย่างที่เลือกในชีวิตเราเป็นคนใช้อินเนอร์ ใช้ความรู้สึกใช้ความสุขนำพา ที่ไหนที่เรามองเห็นว่ามันจะทำให้เรามีความสุข เราก็จะซื่อสัตย์กับตัวเอง จริงๆมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในโลกความเป็นจริง เราทำตามความรู้สึกได้ ขณะเดียวกันหลายๆสถานการณ์เราก็มีสิ่งที่ต้องทำตามเหตุผล ก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆและต้องบาลานซ์ทั้งสองสิ่งและเพราะความรักในการแสดง เปลี่ยนชีวิต มุมมอง และการเติบโต “จูเน่” เล่าว่า “การแสดงให้อะไรหนูเยอะมาก เป็นอะไรที่หนูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ต่อให้การแสดงจะปฏิเสธหนู แต่มันเป็นสิ่งที่หนูอยากเรียนรู้ เป็นศาสตร์ที่ทำให้เราเข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น เป็นศาสตร์ที่นำเสนอมนุษย์ในคาแรกเตอร์ต่างๆ มันมหัศจรรย์ในฐานะนักแสดงเราได้กระโจนลงไปสัมผัสคาแรก เตอร์คนในหลายๆแบบที่ชีวิตนี้เราอาจจะไม่ได้มีโอกาสเป็น และทำให้เราได้เข้าใจเรื่องราวต่างๆบนโลกใบนี้ เน่เป็นคนชอบสำรวจอะไรใหม่ๆ หนูชอบลองสถานการณ์ ลองความรู้สึกต่างๆ แล้วการแสดงอนุญาตให้หนูลองทุกสิ่งได้ แล้วมันเป็นอาชีพทุกวันนี้บางทีก็สับสนตัวเอง บางทีก็ชอบเข้าสังคม ชอบสำรวจอะไรในโลกกว้างสังคมเยอะๆ แต่บางทีก็ชอบสำรวจตัวเอง อยู่กับตัวเอง กับคนน้อยๆ แต่คงเพราะเราเป็นวัยรุ่น เรายังได้ลอง ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ใช้ความรู้สึกนำทุกเรื่องในชีวิต แล้วเรื่อง “หัวใจ” ล่ะ ใช้ความรู้สึกนำมั้ย “จูเน่” ยอมรับว่าใช่ ก่อนหน้านี้จูเน่มีเรื่องหัวใจให้ลุ้นพัฒนาความสัมพันธ์กับหนุ่ม “เจ้านาย–จินเจษฎ์ วรรธนะสิน” ที่ชวนจิ้นกันมานาน จูเน่เผยความสนิทครั้งนี้ว่า มันเริ่มจากการทำงานด้วยกัน ได้รู้จักกันมากขึ้น และมันมีความกลัวนะว่าจากเพื่อนถ้าจะเป็นอะไรต่อ เราไม่อยากเสียความสัมพันธ์แบบนั้นไป จริงๆเราก็ดูแลกันแบบเป็นเพื่อนสนิทมาก อย่างช่วงที่ไปอังกฤษ เค้าให้คำปรึกษาช่วยเราในหลายๆอย่างมาก เค้าเป็นเพื่อนที่ดีมากๆคนนึง เราก็อยากคีพเค้าไว้ในจุดที่เราสบายใจทั้งคู่ถามว่าพอมีข่าวกับคนเดียวทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้ามามั้ย? “ไม่แน่ใจ เอาตรงๆหนูไม่รู้เลยว่ามีมั้ย เพราะเราไม่ได้โฟกัส หนูเป็นคนโฟกัสได้ทีละอย่าง ช่วงนี้หนูอินกับการแสดง อินกับงาน เราเลยแฮปปี้กับตรงนี้ที่เรามีโอกาสดีๆเยอะมาก งานแสดงใหม่ๆและงานสายอื่นที่ไปลอง มันมีข้อดีที่เราอยู่แบบไม่ได้มีพันธะสัญญากับใคร หนูรู้สึกว่างานของเรา เวลาไม่แน่นอน และการเตรียมจิตใจที่ต้องไปทำงานในแต่ละวัน การมีความสัมพันธ์มันเป็นอุปสรรคเหมือนกัน เวลาเราทำอะไรเราอยากทำให้มันดี ส่วนหนุ่มแบบไหนที่เราจะรู้สึกว่าใช่ คนที่เจอไม่เคยตรงกับสเปกที่คิดไว้เลย รู้เลยว่าเราเป็นคนเอาความรู้สึกนำพา คนนี้อาจจะทำให้เราสบายใจแต่ไม่ได้เป็นคนแบบที่เราคิด แต่สุดท้ายต้องเป็นคนที่เข้าใจเรา เอาเป็นว่าตอนนี้ก็โฟกัสในเส้นทางนี้หนูเชื่อในจังหวะ คนเรามักจะมีช่วงเวลาที่ถูกต้องเหมือนหนังเรื่องนี้ และเหมือนทุกอย่างในชีวิตหนู มันมีจังหวะของมันที่เราจะรู้ว่าเราพร้อมกับสิ่งนั้นมั้ย รอเจอจังหวะที่ใช่ค่ะ”.
