ปัญหาปากท้องของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจาก วิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติพลังงาน วิกฤติโรคไวรัสโควิด–19 ที่ยาวนานต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าเป็นภาระของภาครัฐในการเข้าไปเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยและได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ ค่าไฟฟ้า ซึ่งมีหลายปัจจัยและหลายเหตุผลวิธีที่จะแก้ไขและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเหล่านี้ได้ยกตัวอย่าง ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ตามการคิดค่าไฟฟ้าผันแปร ที่ กฟผ. โอดครวญว่าเวลานี้ต้องกู้เงินเอามาเป็นค่าชดเชยค่าไฟฟ้ากว่าแสนล้านไปแล้ว เลยมีการโยงไปถึงการมีไฟฟ้าสำรอง ทำไมถึงมากถึง 40-50% มากกว่าที่มาตรฐานกำหนดเอาไว้แค่ 15% ซึ่งไฟฟ้าส่วนเกินดังกล่าวกลายเป็นภาระของประชาชนโดยปกติแล้ว โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคของรัฐจะต้องคำนึงถึงการให้มากกว่าการรับจากประชาชน ต้องมีทางเลือกให้กับประชาชน ดังนั้นการคำนวณราคาค่าไฟฟ้าจะต้องคำนึงถึงหลักการนี้ ไม่มีหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการคิดค่าบริการราคาแพงจากประชาชน นอกจากนี้ค่าไฟฟ้ายังเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญ เป็นปัจจัยได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันของภาคธุรกิจและการลงทุน บนหลักการที่ว่า จะต้องมีไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมงโรดแม็ปการพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า บ้านเราที่เรียกว่า PDP-Power Development Plan จำเป็นจะต้องวางเอาไว้ในระยะยาว โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ในอนาคตด้วย เช่น การสร้างโรงไฟฟ้าไม่ใช่สร้างวันนี้แล้วเดือนหน้า ปีหน้าจะใช้ได้เลย เพราะจะต้องใช้เวลาก่อสร้าง 5-8 ปี หรือมากกว่านั้น และต้องคำนึงถึงการตอบสนองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย ทั้งนี้ มีสภาพัฒน์เป็นคนวางกรอบในการจัดทำแผนทั้งหมดอย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าปัจจัยที่คาดไม่ถึงก็คือ การระบาดของโควิด–19 และ สงครามรัสเซีย–ยูเครน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่กระทบกับ แผนพลังงานของประเทศ เนื่องจากการปิดกิจการด้านบริการและการผลิต ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกเมื่อเทียบกับกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองในปี 2558 ก่อนที่จะ เกิดวิกฤติโรคระบาดอยู่ที่ 29% ค่าไฟฟ้าอยู่ที่หน่วยละ 3.86 บาท การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น ไฟฟ้าสำรองก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ค่าไฟฟ้าไม่มีผลกระทบและลดลงด้วยซ้ำ แม้แต่ในปี 2563-2564 ค่าไฟฟ้าก็ยังคงที่ จนปีนี้มีการปรับสูงขึ้นแต่ปริมาณไฟสำรองกลับลดลง เป็นเหตุผลที่ว่า การสำรองไฟมากหรือน้อย ไม่เกี่ยวกับราคาค่าไฟแต่อย่างใดนอกจากนี้ตามหลักการแล้วควรมี โรงไฟฟ้าที่เสถียร มากกว่า โรงไฟฟ้าที่ผลิตตามฤดูกาล เพราะจะมีผลต่อความมั่นคงทางพลัง งานไฟฟ้า ที่ต้องคำนึงถึงความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วย รวมทั้งการหาแหล่งพลังงานสำรองจากภายนอกที่มีราคาถูกกว่า เช่น ไฟฟ้าที่ซื้อจาก สปป.ลาว ราคาเพียงหน่วยละ 2.80-2.90 บาทเท่านั้นบทสรุปคือการสำรองไฟฟ้า หรือการหาแหล่งไฟฟ้าสำรองจากภาคเอกชน ไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้ค่าไฟแพง เพียงแต่จะทำอย่างไร ให้มีความเสถียรและมีผลกระทบกับประชาชนและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th