ปกหลังหนังสือ “ครบครันกัญชาสยาม” ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ สรุปเรื่องราวของกัญชาไว้ว่า “กัญชามีค่าล้ำ...ขึ้นกับว่าจะใช้ทำอะไร เขาคือสมุนไพร ปลอดภัยถ้าใช้เป็น”ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ งัดข้อพรรคภูมิใจไทย ขอให้ทบทวนกฎหมาย...พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลไม่เกรงใจกัน ชาวบ้านอย่างเรา ยังไม่รู้จะเลือกเชื่อพรรคไหน หลายคนก็พลอยเมากัญชาไปกับเขากำลังมึนๆผมอ่านเจอตอนที่ คุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว เขียนถึงหลวงพ่อโตวัดระฆัง เขียนเป็นคำกลอนสอนศิษย์อันพวกเหล่ากัญชาทำหน้าเซอะ ขี้ฟันเขรอะอกแห้งมันอยากหวาน ทำตาปรือลือกันประสาพาล ไม่ทำการเที่ยวกินกัญชาเชือน เอาไฟดุ้นเข้าก่อชักคอโก่ง พอตกเผลาะแล้วก็ส่งให้พวกเพื่อน ทำหน้าเงยเหมือนจะเสยเอาดวงเดือน ใครทำเหมือนแล้วก็ชมกันว่าดีบ้างอัดอั้นควันไว้มิใคร่ปล่อย เรียงทองย้อยตั้งน้ำไปตามที่ เรียกมังกรล่อแก้วนั้นก็มี ทำท่วงทีส่ายหน้าท่ามังกร ควันกัญชาเข้าคอหัวร่อแห้ง ทั้งเรี่ยวแรงเล่าก็หมดมือตีนอ่อน ทำตาเล็กซึมเซาเหมือนหาวนอน แลเห็นขอนก็ว่าคนชนหนีไป แลเห็นเชือกก็ว่างูไม่รู้จัก ใครร้องทักก็ว่ากลัวไม่อยู่ได้ เห็นมือชี้เล่าก็หนีออกไปไกล ให้ตกใจเหมือนตั้งจ่อเข้าตรงตาอ่านกลอนสมเด็จพุฒาจารย์โต แสดง เด็กวัดสมัยนั้นคงเมากัญชาให้ท่านเห็นมาก จนท่านรู้จักอย่างลึกนิพัทธ์พร ใช้คำว่า ท่านรู้จักอากัปลีลาจริตเฉพาะของการซบเซาเมากัญชาในแบบต่างๆ เช่น แบบทองย้อย หรือแบบมังกรล่อแก้วในข้อเขียนหัวข้อ กัญชาทั้งคุณโทษ โจษจันแต่โบราณ มีความตอนหนึ่ง คนไทยสมัยก่อนมีความช่ำชองในการใช้กัญชา ทั้งใช้เป็นยา กินเป็นอาหาร เสพพอให้เคลิ้มภูมิปัญญาความรู้เกี่ยวกับคุณและโทษของสมุนไพรชนิดนี้ มีอยู่อย่างกว้างขวาง พอจะหยิบยกตัวอย่างจาก ตำราวัดสิงห์กัญชามีรสมึนเมาสบายดี มีความรื่นเริงอยู่ในใจ ทำให้จิตใจฟุ้งซ่านใจขลาด เป็นยาชูกำลังบ้างเล็กน้อยถ้ารับประทานมากเกินขนาด อาจทำให้เบื่ออาหาร และกำลังถอย หรือทำให้ตัวสั่นและเสียสติ เป็นคนจริตพิการไปหมดหัวข้อในล้อมกรอบ เมากัญชาหาทางแก้...ใครจะรู้ จะเผลอเมากัญชาเมื่อไหร่ อ่านกันไว้ก่อนในอดีตการเสพกัญชาเมื่อมีอาการเมาให้นอนหลับไป ตื่นขึ้นมาก็หายเมา แต่ถ้าอาการเมาที่เกิดจากการได้รับเกินขนาดเรื่องนี้ ไม่ยาก หมอยาสกลนครในเครือข่ายอินแปงแนะนำว่าผลข้างเคียง (พิษเมา) กัญชานั้น จะทำให้มึนงง ใจสั่น เมาหลงลืม วิธีแก้ ให้อมน้ำมะนาว ตอนแรกๆ จะไม่เปรี้ยวให้กินต่อไปจนกว่าจะเปรี้ยว หรือจะใช้รางจืดถอนพิษก็ได้อีกวิธีแก้...จิบน้ำมะนาวกับน้ำผึ้ง น้ำตาล เกลือ หรือจิบน้ำผลไม้ รับประทานกล้วยน้ำว้าสองผล ดื่มน้ำชาข้าวคั่วอุ่นๆหรือน้ำผักบุ้งต้มกับน้ำตาลทรายแดงเอาล่ะ! สมมติว่า หายจากอาการเมากัญชาแล้ว...ทีนี้ก็ต้องหันมาตั้งสติกันใหม่ ปัญหาพรรคการเมืองทะเลาะกัน เป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ปัญหาของชาวบ้านที่สับสนน่ะซี...ที่ปลูกไปแล้ว จะทำไงต่อไปตอนนี้ตำรวจยังไม่กล้าจับ ต่อไปไม่แน่ส่วนเรื่องนักลงทุน ที่ตั้งท่าจะเอากัญชาเป็นอุตสาหกรรมใหญ่...อย่าไปห่วงเขาเลย...อีกไม่นาน อาจมีเงินมากจนตั้งพรรคการเมือง...อือ? หรือว่าตั้งเป็นพรรคใหญ่ไปแล้ว หัวหน้าพรรคมีคิวเป็นนายกฯอีกด้วย.กิเลน ประลองเชิง