เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ดำเนินการจัดหาวัคซีนเอชพีวี (HPV) เพื่อนำมาจัดฉีดป้องกันมะเร็งปากมดลูก (Human Papilloma virus หรือ HPV) ให้แก่เด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (ป.5) ของปี 2565 จำนวนประมาณ 4 แสนคน ซึ่งคาดว่ามีความเพียงพอ อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนเอชพีวี เป็นผลมาจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด- 19 ด้วยส่วนหนึ่ง ที่ทำให้กระบวนการจัดการผลิตหรือซัพพลายเชนไม่เพียงพอ เนื่องจากหลายบริษัทต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการไปผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีความต้องการใช้สูง จึงทำให้ทางสถาบันวัคซีนไม่ได้มีการนำเข้าวัคซีนเอชพีวีเข้ามาจัดฉีดในเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ดังนั้นในปี 2565 นี้จึงได้เร่งรัดในการจัดหาวัคซีนเอชพีวีเพื่อมาฉีดย้อนหลังให้กับเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มดังกล่าวอีกประมาณ 8 แสนคนนพ.นครกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทราบว่าทางจีนอยู่ระหว่างการมาขอขึ้นทะเบียนวัคซีนเอชพีวีเพิ่มเติมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งหากมีวัคซีนจากทางจีนเข้ามาเพิ่ม รวมถึงทางอินเดียก็มีการผลิตเช่นกัน หากสามารถนำเข้าจาก 2 ประเทศดังกล่าวก็จะช่วยทำให้ประเทศไทยสามารถจัดหาวัคซีนเอชพีวีได้มากขึ้นและยังทำให้ได้ราคาถูกลง ก็จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนเอชพีวีให้กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น สำหรับประสิทธิผลจากการใช้จริงของวัคซีนเอพีวีนั้น จากการติดตามมาประมาณ 10 ปี พบว่ามีประสิทธิผลในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกประมาณ 90% ถือว่าสูงมาก และสะท้อนว่าภูมิคุ้มกันจากวัคซีนสามารถอยู่ได้ยาวนาน แต่การติดตามว่าจะลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากน้อยแค่ไหน ต้องมีการติดตามข้อมูลในระยะยาว เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสมะเร็งปากมดลูกสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงชีวิต.