ผมมีหนังสือนิทานอีสปอยู่ราวสิบเล่ม เล่มที่เพิ่งค้นได้จากลิ้นชักหนังสือเก่า...ฉบับแพร่พิทยา พิมพ์ พ.ศ.2507 คุณยศ วัชรเสถียร แปลจากภาษาฝรั่ง นับว่าเป็นฉบับเอกชนที่เก่าที่สุดลีลาสำนวนแปลของคุณยศก็แปลก และแตกต่าง เช่นเรื่องชายผู้หนึ่งกับเทพเจ้าแซทเธอร์คืนหนึ่งในฤดูหนาว ชายผู้หนึ่งหลงทางอยู่กลางป่า ขณะที่เขาเดินวนเวียนไปมา เทพเจ้าแซทเธอร์ก็เดินเข้าไปหา พาเขาไปเข้าที่พักในถ้ำในถ้ำหนาวมาก ชายหนุ่มยกมือทั้งสองจ่อที่ปาก แล้วเป่าลมใส่“นั่นเจ้าทำอะไร?” เทพเจ้าไม่เคยหนาว ไม่รู้จักความหนาว จึงถาม“ความหนาว ทำให้มือข้าพเจ้าเป็นเหน็บแข็ง ข้าพเจ้าจึงใช้ลมหายใจ เป่าช่วยให้อุ่น”เทพเจ้าเชิญชายหนุ่มนั่งโต๊ะอาหาร แล้วเดินเข้าครัวพักใหญ่ ก็ถือจานข้าวโอ๊ตเปียกร้อนระอุควันฉุย มาวางตรงหน้า ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี เทพเจ้าเตรียมเตียงนอนไว้ เมื่อเขาอิ่มเรื่องกำลังดำเนินไป ตามที่ออกปากทักทาย และแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันตอนแรก หลังจากให้ที่กินที่นอน ให้ชายหนุ่มอิ่มหนำและหายเหนื่อยแล้วรุ่งเช้าเทพเจ้าจะพาชายหนุ่มออกจากในถ้ำ และชี้ทางกลับบ้านแต่แทนที่อาคันตุกะที่หิวโหย จะรีบตักข้าวโอ๊ตเข้าปากทันที เขากลับถือช้อนข้าวโอ๊ตร้อนๆนั้นจ่อที่ปาก แล้วก็ใช้ลมหายใจเป่า“อ้าว! นั่นเจ้าทำอะไรอีกเล่า!” คราวนี้เทพเจ้าสงสัยมาก“ข้าวโอ๊ตของท่าน ร้อนเกินไป” ชายหนุ่มตอบด้วยดี “ข้าพเจ้าจึงใช้ลมหายใจเป่าให้มันเย็น”คำตอบครั้งนี้ เปลี่ยนบรรยากาศอบอุ่นสมานฉันท์ไปทันทีเทพเจ้าแซทเธอร์ ผู้เอื้ออารี...ทนต่อไปไม่ไหว... “เจ้าออกไปจากถ้ำของข้าเดี๋ยวนี้”ชายหนุ่มงง...ถาม “ข้าทำอะไรล่วงเกินท่านหรือ?“ข้าตั้งใจช่วยเหลือเจ้า เพราะคิดว่าเจ้าเป็นคนดี แต่นี่ ท่านเป็นคนแบบไหน? ใช้ปากเดียวกัน เป่าลมหายใจ ให้ร้อนก็ได้ ให้เย็นก็ได้คนแบบเจ้า ข้าทนคบค้าต่อไปอีกไม่ได้ เจ้าออกจากถ้ำของข้าไปได้แล้ว”นิทานเรื่องนี้ คุณยศ วัชรเสถียร ไม่มีประโยค “สอนให้รู้ว่า” ต่อท้าย ปล่อยให้คนอ่านคิดต่อเอาเองเพราะเรื่องนี้ล่ะกระมัง คนกับเทวดาจึงคบค้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ เทวดาเดิมทีก็มีอยู่ถ้ำ จึงหนีคนขึ้นอยู่ไกลถึงบนสวรรค์นี่แค่คนธรรมดาๆเท่านั้น ถ้าเป็นคนที่เรียกตัวเองว่า นักการเมือง ไม่แค่ใช้ปากเดียวกัน เป่าให้ร้อนให้เย็น แต่พวกเขายังใช้ปาก พูดให้ตัวเองเป็นอะไรก็ได้ในทุกที่ทุกเวลาวันก่อนเป็นฝ่ายรัฐบาล วันวานแยก เอ! หรือว่าถูกไล่ ออกไปตั้งพรรคใหม่ ลีลาเล่นให้ใครต่อใครรู้ว่า ยังหนุนลุงๆฝ่ายรัฐบาล ด้วยกลยุทธ์แยกกันเดิน รวมกันตี...อยู่ดีอ้าว! วันสองวันนี้ พลิกคำพูดใหม่ ประชาชนเรียกร้องต้องไปเป็นฝ่ายค้านตาแก่โง่ๆอย่างผมฟัง ยังเผลอเลื่อมใส รายนี้อ่านทิศทางลมดี... รู้ว่าคะแนนนิยมรัฐบาลตกลง...เข้าตำราหมาตายเห็บกระโดดหนีผมก็ยังงงแบบผมต่อไป แต่ได้ยินมาว่า ตอนนี้นักการเมืองด้วยกัน ไม่ว่าฝ่ายไหน ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น งูเห่าตัวเล็กตัวใหญ่ เขาจะเข้าใจ เขาหายงง ไปรวมหัวกันไม่เอาท่านแล้วเหตุผลก็ง่ายๆ หมดบารมีลุงป้อมคุ้มกัน น้ำหน้าท่านจะเหลือแค่ไหน...ที่โม้ว่ามี 16 แล้วยังบวกด้วย 16 นั้น ถึงเวลายกมือก็จะรู้เอง กล้วยที่คุยว่ามีกี่หวีๆ สองลุงบวกหนึ่งหลาน เขาก็มี...มีมากกว่า ด้วยซ้ำไป.กิเลน ประลองเชิง