คนไทย 20% ได้ไชโยโห่ลั่นเมื่อได้ “ถอดแมสก์” โดย 80% ยังสมัครใจ “ปิดปาก” อย่างเก่า เพราะไม่แน่ใจสถานการณ์... ขณะที่หมอออกมาเตือน BA.4–BA.5 เกาะปอดได้มากกว่า BA.2 ให้ระวัง!บอกให้รู้ด้วยว่า...ยอดคนป่วยประจำวันของจริงสูงสิบเท่าหลักพัน แล้วจะพีกยาวไปถึงกันยายน...ท่ามกลางคลื่นกระแสเศรษฐกิจ วิกฤติข้าวของแพงขึ้นราคาทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะเมื่อ “ราคาน้ำมัน” สูงลิ่วแบบฉุดไม่อยู่...คนไทยจะหวังพึ่งใครได้ นอกจากอดทนประหยัดอดออมอีกเรื่องใหญ่ที่สำคัญ นโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ที่ผลักดันได้สำเร็จลุล่วง รอคนเทคะแนนให้ แต่...คนไทย “เห็นด้วย” ช่วยการแพทย์ “ไม่เห็นด้วย”...ช่วยสารเสพติดให้ถูกกฎหมายที่ผ่านมา ก็กลายเป็นอีกเรื่องยุ่งๆเพราะไม่สะเด็ดน้ำก่อนประกาศ... ขุนพลอยพยักได้ทีฉวยโอกาสบอกเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ดึงฮิปปี้มาพี้กัญชาเหมือนอเมริกาเคยได้บุปผาชนมา “หลงกลิ่นกัญชา” ย่านฟิชเชอร์แมนส์วอร์ฟ ซานฟรานซิสโก ทำนองนั้น “ท่องเที่ยว” จึงถูกใช้กู้เศรษฐกิจวิกฤติช่วงเงินเฟ้อ 7% โชคดี...เปิดประเทศปุ๊บได้ทัวริสต์หน้าเดิมปั๊บ อาทิ อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย เอเชียบางประเทศกับอาเซียนที่แลกเปลี่ยนทัวร์กันคอนเทนต์นี้...บิ๊กมาร์เกตอย่างจีน ญี่ปุ่น ยังไม่คลายคนออกมาเสียที แม้เราเปิดบ้านถอดแมสก์แต่เอาเถอะ...ไหนๆท่องเที่ยวไทยก็ถูกโยนขึ้นเวทีแล้ว อยากให้ค่อยๆขยักตลาดไกลใส่ลิ้นชักไว้ก่อน มองตลาดง่ายต่อการเดินทางอย่างเอเชียใต้ 3 ประเทศ...อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศเจ๋งเป้งคืออินเดียใหญ่รองจีน ปี 2562 ก่อนโควิด-19 เล่นงาน ภารตะมา “ฮัดช่า” มาเมืองไทย 1,961,069 คน ใช้วันพักเฉลี่ย 7.43 วัน เปย์เงินในไทยวันละ 5,493.20 บาทต่อคนพุ่งเป้าไปที่ “ปากีสถาน” คู่กัดอินเดียมาบ้านเรา 71,917 คน พัก 10.71 วัน ใช้เงินวันละ 5,736.11 บาทต่อคน ถัดมา...บังกลาเทศที่ปี 2020 ประชากรมีรายได้เฉลี่ยคนละ 6,900 บาทขณะอินเดีย 6,000 บาท ปากีสถาน 4,800 บาท...ลูกหลานชีค มูจิบูร์ เราะห์มาน ผู้ก่อตั้งประเทศบังกลาเทศที่ถูกลอบสังหารจึงพากันมาเที่ยวไทย 139,622 คน พัก 8.32 วัน ใช้เงินวันละ 5,793.54 บาทต่อคนโฟกัสในปี 2564 ช่วงเวลาที่ “โควิด-19” ยังระบาดเรามีอินเดียมาเที่ยว 6,544 คน ทิ้งเงินให้ 2,732.23 ล้านบาทปากีสถานมา 1,182 คน ใช้เงิน 759.52 ล้านบาท บังกลาเทศมา 1,955 คน จ่ายเงิน 277.29 ล้านบาท...เห็นไหมมาน้อยดีกว่าไม่มาแล้วก็มาถึงช่วงต้นปีนี้ ขณะที่ไทยลับๆล่อๆจะเปิดไม่เปิดประเทศ รู้มั้ย 5 เดือนแรก...มกราคมถึงพฤษภาคม อินเดียมาออกแขก 122,544 คน ปากีสถาน 7,237 คน บังกลาเทศ 14,597 คน...โอกาสนี้มีช่องทาง...“รัฐบาลไทย” จึงรีบบินไปชวนอินเดียมาเที่ยว กิน ช็อปปิ้ง แต่งงานฮันนีมูนอย่างมหาราชามหารานีเมื่อเร็วๆนี้ทันทีส่วนบังกลาเทศยังคงต้องจับตาดู...ถึงรายได้ประชากรจะเฉลี่ยสูงกว่าอินเดียก็จริง แต่ค่าเงินในประเทศที่อ่อนตัวลง 45% และอาจถึง 60% นั้น จะเป็นอุปสรรคท่องเที่ยวไทยขนาดไหน?เมนต์นี้จึงขอขยับไปปากีสถาน...ตลาดเก่าที่ไม่สู้หวือหวาเรื่องท่องเที่ยวเหมือนตลาดเกิดใหม่อย่างจีน เกาหลีใต้ หลังปฏิวัติสังคมสู่อุตสาหกรรมใหม่ รัสเซียหลังหลุดม่านเหล็กโซเวียตฯ...อาจเพราะการสู้รบกับตาลีบันตามแนวชายแดนอัฟกานิสถาน หรือกับอินเดียที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน...“คนปากีสถานจึงค่อนข้างเย็นเหมือนหิมะหิมาลายัน” กูรูด้านตลาดแดนนี้ที่พัทยาวิเคราะห์ไว้อีกว่า... “ครั้งเมืองหลวงการาจีจะเห็นหนุ่มฉกรรจ์ไม่ใช่ทหารสะพายอาวุธสงครามทั่วไป เรื่องชู้สาวที่นี่เขาเลือกจัดการกันเองเสร็จ และประชากร 200 ล้านคน 92% เป็นมุสลิมรองจากอินโดนีเซีย เรื่องท่องเที่ยวจึงมีข้อจำกัด“เคยพาทัวร์ไทยไปสายการบินปากีสถาน พอเทกออฟได้ครู่เดียวเสียงกัปตันชวนทำละหมาดกันค่อนลำ พอถึงเวลาเสิร์ฟให้รู้เที่ยวบินนี้ปลอดแอลกอฮอล์ หรือถึงที่พักต้องโรงแรมสี่ถึงห้าดาวจึงจะมีน้ำเมาขายและนำไปดื่มในห้องพักเท่านั้นอีกทั้ง...คนขับรถทัวร์ก็เช่นกัน ถึงเวลาละหมาดก็จอดรถให้นักท่องเที่ยวรอในรถ...นี่เป็นปัญหาการทำทัวร์เมืองนี้สมัยก่อน”กูรูคนเดิมย้ำว่า พอเมืองหลวงใหม่ย้ายไปกรุงอิสลามาบัดอะไรก็ใหม่ตามกระแสคนรุ่นใหม่ที่ไปศึกษาต่างประเทศกลับมาเปลี่ยนแปลงสังคมมีอย่างเดียวเปลี่ยนยากคือ “สิทธิสตรี” ที่ถูกตีกรอบด้วยวัฒนธรรมประเพณีด้วยข้อห้ามมากมาย แม้แต่การศึกษาที่สตรีเรียกร้องมาตลอดถึงตรงนี้เอาเป็นว่า...“ไทย” ได้เจรจาส่งเสริมท่องเที่ยวร่วมกับปากีสถาน มีสายการบิน 5 สาย คือ การบินไทย กาตาร์แอร์เวย์ ศรีลังกันแอร์ไลน์ เอทิฮัดแอร์เวย์ เอมิเรตส์ บินเชื่อมสุวรรณภูมิ และเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา อุดรธานี อุบลราชธานี กระบี่ สมุยและบินตรงจากการาจี 4 เที่ยว ลาฮอร์ 4 เที่ยว อิสลามาบัด 2 เที่ยวต่อสัปดาห์ 340 ที่นั่ง ส่วนท่องเที่ยวยอดนิยมคือกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ตแน่นอนว่า...“การไปทำตลาดเมืองนี้มีปัญหาคือ ใช้พาสปอร์ตเล่มเดียวกันไปอินเดียไม่ได้ต้องเปลี่ยนเล่ม ทัวร์เอเย่นต์จึงอาศัยดีลเลอร์ไทยหรือปากีฯไปขายแล้วส่งต่ออีกที” กัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เจ้าของสวนสวย 1 ใน 10 ของโลก เสริมว่า นักท่องเที่ยวตลาดนี้ที่มาสวนนงนุชฯ ส่วนใหญ่เป็นอินเซนทีฟคอปเปอร์เรตธุรกิจขนาดใหญ่ บริหารงานแบบก้าวหน้าทันสมัยให้บำเหน็จรางวัลแก่พนักงาน เป็นการมาประชุมสัมมนาหรือจัดอบรม“ปิดท้ายด้วย...รายการเที่ยวทริปละ 300 ถึง 400 แพ็ก...เป็นผู้ชายล้วนผู้หญิงไม่มี”อาจเป็นเพราะเรามีความพร้อมกับกรุ๊ปนี้ เช่น ห้องประชุมและจัดเลี้ยงจุคนได้ 7,000 คน เหมาะกับกลุ่มไมซ์อยู่แล้วและห้องอาหารอินเดียที่คล้ายกับปากีสถานซึ่งใช้ร่วมกันได้แต่ไม่ได้ให้รวมกัน ถึงเวลาละหมาดก็มีห้องแบบไปรเวซีไว้รองรับส่วนกิจกรรมในสวนจะนิยมสนุกกับการนั่งช้าง นั่งรถดูสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อน เที่ยวหุบเขาไดโนเสาร์โลก 230 ล้านปี...“สิ่งสำคัญการทำทัวร์ปากีสถานคือพวกเขาไม่ชอบคาบาเรต์โชว์ชุดกะเทย จะรีบปฏิเสธทันทีถ้าเขียนไว้ในไอเท็มหรือจัดโชว์พิเศษให้”เห็นหรือยัง?...ปากีสถานเป็นตลาดเอเชียใต้ที่มีศักยภาพ ควักกระเป๋าจ่ายบ้านเราวันละ 5,736.11 บาทต่อคนเฉยเลยแถมพักเฉลี่ย 10.71 วัน...อย่างนี้ไม่เรียก “ตลาดแจ้งเกิด” คงไม่ได้แล้ว.