อย่าประมาท! จับตา “BA.4-BA.5” แพร่เร็ว-แรง ถึงตาย พบในไทยแล้ว...ที่น่ากังวลคือข้อมูลที่พบผลทดลองในสัตว์ทดลองเบื้องต้นบ่งชี้ว่า BA.4 และ BA.5 เพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ปอด อันอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อปอดอักเสบขึ้นได้ในมนุษย์ ต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมแต่...เป็นการทดลองในสัตว์ทดลอง ซึ่งยังต้องติดตามข้อมูล แต่ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ได้ว่าเริ่มกลับมาระบาดแล้วในยุโรปและแอฟริกาใต้ แต่จะรุนแรงหรือไม่ยังต้องประเมินหน้างานจากผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาล ซึ่งในขณะนี้บางประเทศในยุโรปยกระดับการเตือนภัยแล้วโดยเฉพาะที่โปรตุเกสได้ยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องระมัดระวัง แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้ยกระดับให้ BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์น่ากังวลใจ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ เปิดมุมมองโพสต์ข้อมูลอัปเดตความรู้ต่างๆเกี่ยวกับไวรัสร้าย “โควิด-19” ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ระบุว่า เห็นข้อมูลงานวิจัยที่เพิ่งเผยแพร่ใน NEJM จึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดทั่วโลกจึงกังวลเรื่อง BA.4 BA.5 และ BA.2.12.1เพราะนอกจากแพร่ไวขึ้นแล้ว ยังดื้อต่อภูมิคุ้มกันไม่ว่า...จะภูมิจาก “วัคซีน” หรือ “ภูมิจากการเคยติดเชื้อ” มาก่อน ดังนั้น แม้เคยฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน ก็มีโอกาสติดเชื้อแพร่เชื้อกันไปได้มากหากไม่ป้องกันตัวให้ดีระหว่างใช้ชีวิตประจำวันอยู่อย่างไม่ประมาท...อยู่ร่วมกับ “โควิด–19” ต่อไปอย่างไร? แม้สถานการณ์มาตรการโรคโควิด–19 จะมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นและเริ่มมีการกลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ ก็ควรดำเนินชีวิตอย่างมีสติและระมัดระวังอยู่เสมอข้อแรก...ติดตามข่าวสารสถานการณ์การระบาด เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการปฏิบัติตัวข้อที่สอง...ประเมินความเสี่ยงในชีวิตประจำวันว่าในแต่ละสถานที่ แต่ละกิจกรรมมีความเสี่ยงมากหรือน้อย เพื่อป้องกันการติดเชื้อของตนเองและไม่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่นข้อสาม...ตระหนักถึงความรุนแรงของโรคโควิด-19 อยู่เสมอว่า แม้เป็นโรคประจำถิ่นแต่ติดเชื้อแล้วป่วยได้ ตายได้ข้อที่สี่...พึงรับรู้ว่าหากติดเชื้ออาจทำให้เกิดความผิดปกติระยะยาวหรือภาวะ “ลองโควิด (Long COVID)” ได้ข้อที่ห้า...การใส่หน้ากากอนามัยยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดความเสี่ยงในการติดโรคโควิด-19 รศ.นพ.ธีระ ย้ำว่า ถัดจากนี้ไป อาวุธสุดท้ายที่จะช่วยลดความเสี่ยงได้คือ “การใส่หน้ากาก” ทั้งตัวเราและคนรอบข้างที่เราไปพบปะ...เคสติดเชื้อรายวันที่เห็นรายรอบตัวทุกวันนี้ ส่วนใหญ่มาจากเรื่องการคลุกคลีใกล้ชิดโดยไม่ได้ป้องกัน ทั้งระหว่างการทำงาน กินข้าว ท่องเที่ยวในขณะที่บางส่วนที่ป้องกันได้ลำบากคือ การติดจากสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่สูงอายุ พ่อ แม่ พี่น้อง ที่ติดจากเด็กๆที่ติดเชื้อจากโรงเรียนหรือเพื่อนฝูงอีกทอดหนึ่งดังนั้น พอทราบเช่นนี้ เราจึงเหลือ 2 ทางที่พอทำได้ หนึ่ง... “ใส่หน้ากากเสมอเวลาตะลอนนอกบ้าน” เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และป้องกันการติดเชื้อแพร่เชื้อส่วนใหญ่ได้สอง “คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง และครูช่วยกันดูแลเด็กๆ” สังเกตอาการหากใครไม่สบาย ก็ควรรักษาตัวให้หายเสียก่อน หรือแยกออกจากกลุ่มเพื่อนๆและควรย้ำเตือน ให้ความรู้เด็กๆในการป้องกันตัวขณะอยู่โรงเรียน จัดกิจกรรมที่ลดความแออัด ลดเวลาการสัมผัสใกล้ชิดลงเท่าที่จะทำได้ และระบายอากาศในห้องเรียนโดยเปิดหน้าต่าง ประตู รวมถึงวิธีการอื่นๆ ย้ำอีกครั้งว่า...สถานการณ์ระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสภาพแวดล้อมมีความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าเดิมมาก“ร่วมกันทำให้เกิดวัฒนธรรมปลอดภัย ใส่ใจสุขภาพตนเอง ครอบครัว และสังคม การหยุดใส่หน้ากากในสถานการณ์เช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำครับ” บันทึกข้อมูล 24 มิถุนายน 2565 เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 667,668 คน ตายเพิ่ม 1,429 คน รวมแล้วติดไป 547,261,113 คน เสียชีวิตรวม 6,347,169 คนเมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 70.57 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 52.06สถานการณ์ระบาดของไทยจากข้อมูล Worldometer พบว่า จำนวนเสียชีวิตเมื่อวานสูงเป็นอันดับ 16 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชียอัปเดต Long COVID ใน “เด็ก” และ “วัยรุ่น” ล่าสุด Lopez- Leon S และทีมจากประเทศสหรัฐอเมริกาทำการทบทวนข้อมูลวิชาการอย่างเป็นระบบ เผยแพร่ในวารสารทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ Scientific Reports ในเครือ Nature เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมาประมวลผลจากงานวิจัยทั่วโลก 21 ชิ้น โดยมาจากเด็กและวัยรุ่นที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 80,071 คน พบว่าอัตราการเกิดภาวะ Long COVID มีสูงถึง 1 ใน 4 (25.24%)โดยอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นมีหลากหลายระบบของร่างกาย รวมถึงภาวะผิดปกติทางอารมณ์ อาการที่พบบ่อยสุดคือ ความผิดปกติทางอารมณ์ 16.5% รองลงมาคืออาการเหนื่อยล้า...อ่อนเพลีย 9.66% และปัญหาการนอนหลับ 8.42% แม้งานวิจัยต่างๆจะมีรายละเอียดระเบียบวิธีวิจัยแตกต่างกันมาก แต่ผลการวิจัยนี้ได้ชี้ให้เห็นแนวโน้มว่า อาการผิดปกติระยะยาว...ลองโควิดในเด็กและวัยรุ่นนั้นมีโอกาสเกิดได้มากพอสมควร และ...มากกว่าที่หลายคนเคยประเมินกันไว้ก่อนหน้านี้ว่าโอกาสเกิดน้อยกว่าผู้ใหญ่ข้างต้นนี้จึงเป็นข้อมูลวิชาการที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ที่ผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ รวมถึงคุณครูจะต้องช่วยกันดูแล ให้คำแนะนำเด็กๆ และวัยรุ่นเพื่อป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้ออัปเดตสถานการณ์ระบาดในสหราชอาณาจักร ข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นว่ากำลังเจอระบาดระลอกใหม่จากไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 อย่างชัดเจน โดยส่งผลให้จำนวนติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ที่สำคัญคือ...จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการดูแลรักษาในโรง พยาบาลสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา... เหลียวกลับ มามองสถานการณ์ของไทยเรานั้น ล่าสุดยกเลิกมาตรการต่างๆไปมาก ทำให้มีความเสี่ยงระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันสูงขึ้น“หากเหลียวมองรอบตัวจะพบว่ามีคนติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อวานนี้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยให้สวมหน้ากากอนามัยโดยสมัครใจทั่วประเทศภายใต้เงื่อนไขต่างๆ จึงขอเรียนเน้นย้ำให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีความใส่ใจต่อสุขภาพและสวัสดิภาพของตนเองและครอบครัว นาทีนี้...ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”“โควิด...ไม่กระจอกและไม่ใช่หวัดธรรมดา ติดเชื้อแล้วไม่ใช่ แค่ชิลๆแต่ป่วยได้ ตายได้ และที่สำคัญที่สุดคือมีความเสี่ยงต่อภาวะ ผิดปกติระยะยาวอย่างลองโควิดได้ การใส่หน้ากากเสมอ ใช้ให้คุ้นชิน เป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกาย จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก”.