ผู้ชายอาจเป็นผู้บริหารที่ตัดสินใจเด็ดขาดกว่าผู้หญิง แต่ถ้าเป็นเรื่องการลงทุน มีสถิติศึกษายาวนานจากตลาดหุ้นอเมริกา บ่งชี้ว่า ผู้หญิงมักทำผลตอบแทนสุทธิได้ดีกว่าผู้ชาย ยิ่งเป็นสาวโสด ยิ่งสร้างผลกำไรได้ดีกว่าผู้หญิงแต่งงานแล้ว เพราะไม่ถูกชักจูงโดยสามีที่มั่นใจเกินพิกัดเหตุผลที่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นของผู้หญิงมักสูงกว่าผู้ชาย ส่วนหนึ่งเพราะผู้ชายซื้อขายหุ้นบ่อยกว่าผู้หญิง ในความคิดของนักลงทุน VI ยิ่งขยันซื้อๆขายๆบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสพลาดมากขึ้นเท่านั้น ใครคิดว่าสามารถจับจังหวะการซื้อขายหุ้นได้ดีกว่าคนอื่นก็มักตกหลุมพรางอีโก้ตัวเอง ฉุดรั้งให้ผลตอบแทนแย่ลงถ้าพูดถึงไอดอลของนักลงทุนทั่วโลก จะต้องนึกถึงนักลงทุนในตำนานอย่าง “วอร์เรน บัฟเฟต์”, “เบน เกรแฮม”, “ปีเตอร์ ลินช์” หรือไม่ก็ “เรย์ ดาลิโอ” และ “จอร์จ โซรอส” แต่ที่จริงยังมีนักลงทุนรายย่อยผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “ป้าแอนน์ ไชเบอร์” ไอดอลการลงทุนแบบบ้านๆด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง“ป้าแอนน์” เป็นคนอเมริกันเชื้อสายยิว เคยทำงานเป็นพนักงานตรวจภาษีของเมืองนิวยอร์ก เออร์ลี่รีไทร์ตอนอายุ 51 ปี ตลอดชีวิตการทำงานได้เงินเดือนสูงสุดเพียง 3,000-4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี หลังจากเกษียณตัวเอง “ป้าแอนน์” นำเงินเก็บ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็นทุนเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น จากเงินไม่กี่พันเหรียญ จนถึงวันที่ “ป้าแอนน์” จากโลกไป ด้วยวัย 101 ปี เมื่อปี 1995 พอร์ตของป้าเติบโตขึ้นเป็น 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ!! ป้าทำสถิติระดับโลกสร้างผลตอบแทนการลงทุนแบบทบต้นต่อปีได้สูงถึงปีละ 18% ตลอดเวลา 50 ปีน่าทึ่งกว่านั้นคือ “ป้าแอนน์” เขียนพินัยกรรมไว้ว่าขอบริจาคเงินทั้งหมดให้มหาวิทยาลัยเยชิวา เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่ด้อยโอกาสทางสังคม ปลุกกระแสให้นิตยสารไทม์ และพีเพิล นำเสนอเรื่องราวของนักลงทุนหญิงหัวใจน่ากราบคนนี้อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอยากรู้ว่า หลักการลงทุนของ “ป้าแอนน์” มีเคล็ดลับอย่างไร บอกเลยว่า เป็นแนวคิดแบบบ้านๆที่ใครก็สามารถทำได้ ป้าจะเลือกลงทุนเฉพาะสินค้าที่รู้จักดี และมีโอกาสได้ใช้ตลอดเวลา เช่น ป้าชอบดื่มน้ำอัดลม จึงถือหุ้นโค้กและเป๊ปซี่ไว้เยอะ นอกจากนี้ยังมีหุ้นบริษัทยาอย่าง “เชอริ่ง-พลาว” ป้าชอบดูภาพยนตร์และเปิดทีวี จึงเลือกถือหุ้นโคลัมเบียพิคเจอร์ส กับแคปิตอล ซิตี้ ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์อีกหนึ่งหลักการลงทุนคือ “ป้าแอนน์” ชอบบริษัทที่มีผลประกอบการ หรือกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี โดยไม่ค่อยสนใจความถูกความแพงของราคาหุ้น ป้าไม่ค่อยดู PE เพราะเน้นถือระยะยาวไม่คิดขาย และเชื่อว่าถ้ากำไรบริษัทโตขึ้นไปเรื่อยๆ ในที่สุดราคาหุ้นก็ต้องขึ้นตามไปเช่นกัน การแกว่งตัวขึ้นลงของราคาหุ้นจึงไม่ใช่สาระสำคัญเวลาซื้อหุ้นที่ชื่นชอบและมั่นใจว่ามีกิจการดีเยี่ยม ป้าจะค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆไม่อัดทีเดียวหมดหน้าตัก เรียกว่าทยอยซื้อทุกครั้งเวลาหุ้นตก ทำให้ซื้อได้ถูกลง และเมื่อได้รับปันผลเข้ามา ป้าจะนำเงินกลับเข้าไปลงทุนในหุ้นอีก เป็นหลักการคล้ายๆการทำ DCA ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆทุกเดือน เพื่อให้ได้ต้นทุนเฉลี่ยของหุ้นที่ไม่สูงไม่ต่ำเกินไปกลยุทธ์สำคัญที่สุดคือ “ป้าแอนน์” อดทนรวยเก่งมาก เพราะถือคติซื้อแล้วเก็บยาว แม้ในยามที่หุ้นตกอย่างหนัก บางทีถึง 50% ป้าก็ไม่ขาย ตราบที่ยังมีศรัทธาแรงกล้าต่อหุ้นตัวนั้น และศึกษาจนแน่ใจว่าพื้นฐานของกิจการไม่เปลี่ยนแปลง สุดท้ายราคาหุ้นก็กลับมา ป้ายังไปประชุมผู้ถือหุ้นทุกครั้ง เพื่อจะได้มีโอกาสซักถามผู้บริหารอย่างเจาะลึกแม้จะประสบความสำเร็จด้านการลงทุน แต่หลายคนมองว่าชีวิตของป้าค่อนข้างอัตคัดฝืดเคือง ป้าไม่เคยแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆตามลำพัง แทบไม่มีเพื่อนไปมาหาสู่ ป้าชอบเดินมากกว่าเสียเงินขึ้นรถสาธารณะ ป้าไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปไหนมาไหนก็ใส่เสื้อโค้ทตัวเก่งกับหมวกสีดำ และที่ไหนมีอาหารแจกฟรีจะต้องเจอคุณป้า...ความสุขอย่างเดียวในชีวิตคือ วันที่ไปเปิดตู้นิรภัยดูใบหุ้น ที่เมอร์ริลล์ ลินช์ ใกล้ๆตลาดหุ้นนิวยอร์ก!!มิสแซฟไฟร์