นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเด็กเกิดน้อยในไทยว่า จากการหารือร่วมกันของคณะกรรมการพัฒนาอนามัยเจริญพันธุ์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้พิจารณาสภาพสังคมไทยที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ชายแต่งกับชายหญิงแต่งกับหญิง รวมถึงมีคนที่แปลงเพศแล้วอยากมีลูก ขณะเดียวกันสมัยนี้ผู้หญิงอยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามี ส่วนผู้ชายบางคนก็อยากมีลูก แต่ไม่อยากมีภรรยา จึงมีการพูดคุยกันถึงเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 หรือกฎหมายอุ้มบุญว่า จะมีแนวทางเพื่อช่วยคนกลุ่มเหล่านี้ที่อยากมีลูกได้อย่างไร แต่ก็ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดเพื่อคุ้มครองเด็ก เพราะต้องยอมรับว่ามีคนที่คิดไม่ดี เอาเด็กไปดูแลไม่ดี หรือไปมีความเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ต้องปรับแนวคิดว่า ครอบครัวไม่ใช่เรื่องของผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้นนพ.สุวรรณชัยกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ปัจจุบันผู้หญิงต้องทำงานนอกบ้าน จึงยังไม่มีลูก หลายคนเลยวัยเจริญพันธุ์แล้วทำให้มีบุตรยาก สิ่งที่เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยเหลือได้ คือการฝากไข่ มีธนาคารไข่ รวมถึงธนาคารน้ำเชื้อ ที่มีระบบรองรับทางกฎหมาย ดังนั้นเป็นประเด็นที่สังคมต้องช่วยกัน ซึ่งไม่ได้จำกัดที่ครอบครัวละ 2 คน แต่ดูที่ความพร้อมของครอบครัว แล้วสร้างมาตรการทางเศรษฐกิจสังคมเข้ามาช่วยเหลือ เช่น มีลูก 1 คน ได้สิทธิ มีลูกเพิ่ม 2 คน 3 คน จะได้สิทธิอะไรเพิ่มเติม อีกกลุ่มหนึ่งคือการตั้งครรภ์ในคนอายุต่ำว่า 20 ปี ซึ่งอาจจะเป็นวัยที่ยังไม่พร้อม เพราะอยู่ระหว่างการเรียนหนังสือ ในส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่ต้องจัดระบบดูแลเพื่อไม่ให้ผู้หญิงไปทำแท้ง ต้องทำให้คนเหล่านี้ได้รับการดูแลและอยู่ในระบบการศึกษา ได้เรียนต่อ ลดปัญหาการตีตรา สร้างอาชีพและช่วยให้เด็กที่เกิดมาได้รับการดูแล.