ขึ้นแท่นเป็นเจ้าแม่ของวงการอีกคน สำหรับ ยุ้ย–จีรนันท์ มะโนแจ่ม นักแสดงสาวมากความสามารถ ล่าสุดโชว์ฝีไม้ลายมือสุดแซ่บในละครเรื่อง “ร่านดอกงิ้ว” ทางช่อง 8 เป็นการฉีกคาแรกเตอร์ครั้งใหญ่ในบท “สร้อยสน” ผู้หญิงที่ต้องใช้ความร่านของตัวเอง แถมเล่นละครกับ ธันน์ ธนากร คู่ชีวิตด้วยเลยเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ยิ่งเลิฟซีนเล่นเอาใครต่อใครเขินแทน พร้อมอัปเดตอาการหลังหายป่วยโควิด–19 ของทั้งคู่ รวมทั้งการวางแผนมี “ลูก” ปีหน้าลุ้นสักตั้ง ใน “คนดังนั่งคุย”ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้“ตอนแรกที่ได้ยินชื่อเรื่องยอมรับว่าตกใจมากค่ะแต่พอได้อ่านบทได้คุยกับผู้จัดฯ มีความรู้สึกว่าปฏิเสธไม่ได้เลย ต้องเล่น บทคือดีมาก เป็นบทที่เป็นของเราเลย บทเข้มข้น ดราม่ามาก แล้วความร่านมันไม่ใช่แค่ ผู้หญิงที่อยู่ๆจะมาร่านโดยไม่มีเหตุผล ความร่านของเรื่องนี้มีเหตุผลทุกอย่าง เพราะฉะนั้นยุ้ยเชื่อว่าคนที่ดูจะเข้าใจในตัวละครตัวนี้ แค่อาจจะตกใจชื่อเรื่องนิด หน่อย แต่ความจริงแล้วความร่าน ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุผล มีที่มาที่ไปทั้งหมด”บทแรงทุกด้าน ทั้งดราม่าและเลิฟซีน “แรงหมด ไม่ว่าจะเป็นดราม่าก็หนัก เลิฟซีนก็หนัก แล้วบทของแต่ละตัวก็เข้มข้น การเดิน เรื่องต่างๆ มันทำให้ละครเรื่องนี้สนุก”ความแรงของ สร้อยสน เป็นบทที่น่าดึงดูด ใจขนาดไหน “สร้อยสน มาจากเด็กที่ใสๆ อินเลิฟจริงจังกับความรักมาก แต่เพราะ ความรักนี่แหละ มันทำให้เราถูกทำร้ายจนชีวิตพังครอบครัวสูญเสีย จนทำให้เด็กผู้หญิงใสๆคนหนึ่งกลายเป็นผู้หญิงที่มีแต่ความก้าวร้าวแข็งกระด้างและหัวใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชีวิตในทุกๆวันไม่มีความสุขเลย มีแต่ความแค้นอยู่ในหัวใจ มันก็เลยเป็นบทที่ค่อนข้างท้าทายกับตัวยุ้ยค่ะ” หลายคนในเรื่องนี้ร่วมงาน กันครั้งแรก“ใช่ค่ะ อย่างเบนซ์-ปุณยาพร เอง อยู่ร่วมช่องกันมา สนิทกันมาไม่รู้กี่ปี ไม่เคยได้ร่วมงานกันเลย พอรู้ว่าเรื่องนี้มีเบนซ์ด้วย ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกัน พี่ออย-ธนา เคยร่วมงานกันอยู่ แต่ได้มาเจอกันนอกช่อง ก็ดีใจมากค่ะ พี่บีม-กวี เนี่ยแหละ ตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานด้วย แล้วก็น้องทอย-ปฐมพงศ์ คนนี้ก็เรื่องแรก น้องนนนี่-ณัฐชา ก็เรื่องแรก ช่องก็เรื่องแรก (หัวเราะ) มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เหมือนยุ้ยได้มาเจอสังคมใหม่ๆ ทำให้เราได้ปรับตัวให้เข้ากับทุกคนใหม่ๆมากขึ้น อย่างพี่ธันน์เอง เคยเล่นแต่เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เรื่องนี้ต้องมาเล่นเป็นสามี ภรรยากัน ต้องมาตบตีกัน ต้องมาเลิฟซีนกัน ทั้งๆที่ไม่เคยเลิฟซีนอะไรที่ไหนมาก่อน ก็แปลก เป็นอะไรที่ตื่นเต้นนะวันที่เข้าฉากตอนแรก พี่ธันน์เองก็ตื่นเต้น แค่พูดบทเฉยๆ ยังเทกเป็นสิบๆเทก มันก็แปลกดีค่ะ (หัวเราะ)”เล่นเลิฟซีนกับสามีครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง “กับพี่ธันน์เขินมาก คือวันที่จูบกัน หนิมกับน้องนนนี่แทบจะทนดูไม่ได้ ต้องเดินหนี เพราะอยู่ไม่ไหว บอกว่าเขินไปหมด คนเล่นก็เขิน คนดูก็เขิน แต่มันก็ขำๆ กลายเป็นทุกคนสนุกกัน งานมันก็สนุก ก็จะ ประมาณนี้ค่ะ”เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ เล่นเรื่องนี้ยากหรือเครียดขนาดไหน“ยุ้ยบอกเลยว่า เรื่องนี้ดราม่าหนักมาก ตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉาก จนแทบจะวันสุดท้ายเลย แทบจะไม่มีวันไหนที่ไม่ร้องไห้ ต่อให้เป็นสร้อยสนที่จะแก้แค้น ก็ยังต้องร้องไห้ทั้งวัน ช่วงแรกๆ บทตอน 1-10 เป็นอะไรที่หนักมากๆ ยุ้ยร้องไห้ทุกวันแล้ววันนึงคือหนัก ร้องจนตาบวม ปวดหัวไปเลยทั้งวัน แต่มันก็เป็นอะไรที่ท้าทาย ยุ้ยชอบ เพราะมันเป็นบทที่มีอะไรให้ยุ้ยเล่นเยอะ และยุ้ยก็มองเห็นถึงละครที่มันจะออกมา ทุกคนจะต้องอิน ต้องชอบ แล้วก็จะได้รู้ด้วยว่า สาเหตุของความร่าน มันเป็นเพราะอะไร”มีวิธีการตัดความเครียดที่ติดตัวจากเรื่องนี้ อย่างไรบ้าง “ด้วยความที่ยุ้ยเล่นละครมา 50 กว่าเรื่องแล้ว เล่นละครดราม่ามาก็เยอะ ยุ้ยจะมีวิธีการรักษาใจตัวเองด้วยการนั่งสมาธิ แล้วก็จะมีวิธีการจัดการกับอารมณ์ตัวเองเวลาเล่นละคร ไม่ว่าจะเครียดแค่ไหน พอออกจากฉากมา ยุ้ยจะกลับมาเป็นยุ้ย-จีรนันท์ ผู้หญิงที่มีความสุขทันที กลับบ้านยุ้ยก็มีความสุข ออกมาจากใครๆ ยุ้ยก็คุยปกติ แต่เวลาเข้าฉากปุ๊บ ฉันจะเป็นสร้อยสนที่เศร้า ที่เครียดทันที คือยุ้ยจะมีวิธีการคุยกับตัวเอง ก่อนนอนยุ้ยสวดมนต์ นั่งสมาธิเวลาที่อยู่คนเดียว มันก็เลยทำให้ยุ้ยค่อนข้างไม่ได้มีปัญหากับการทำงาน” วิธีการนี้เพิ่งมาค้นพบ หรือตั้งแต่ช่วงที่เริ่มแสดงละคร“ตั้งแต่ช่วงที่ยุ้ยทำงาน ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน ไม่เคยรู้หลักในการแสดง เล่นแบบสุ่มๆเลย เป็นนางเอกมา 10 เรื่อง จนวันหนึ่งยุ้ยมีความรู้สึกว่าเราต้องการจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ยุ้ยก็เลยบอกกับผู้จัดการส่วนตัวว่ายุ้ยขอไปฝึกไปเรียนกับคุณครูเพราะเราอยากจะรู้ว่า เราจะมีวิธีการจัดการกับความรู้สึกของเราอย่างไร และช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยุ้ยเจอเรื่องดราม่าในชีวิต เจอเรื่องการสูญเสียในครอบครัว มันเลยทำให้ยุ้ยแกว่ง สมาธิเราแกว่งเลย ทำให้เรารู้ว่าการแสดงมันต้องใช้สมาธิ”ได้ข่าวว่าจะหยุดเล่นละคร ตั้งใจอยากมีลูกกันแล้ว“ทีแรกตั้งใจว่าจะฝากไข่ ขอ 2-3 เดือน ที่จะไปเที่ยว ไปพักผ่อน ดูแลตัวเอง บำรุง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องร้องไห้ ก็ตั้งใจว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ถ้าฝากไข่ปุ๊บแล้วติด ก็ตั้งใจว่าจะปล่อยให้มีน้องเลย ขอเวลาปีนึงไม่เกินสองปี ที่จะดูแลน้อง แต่สรุปคือ ก็เลื่อนกันมาหลายรอบ ตั้งแต่มีโควิด จริงๆแล้วทั้งร่านดอกงิ้ว และเล่ห์ลุนตยา ต้องปิดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ว่าเราก็เลื่อนมา ก็เลยกลายเป็นว่า อายุเราก็มากขึ้นไปอีก 1 ปี แล้วข้อจำกัดของเราเยอะกว่าคนอื่น ตอนนี้ยุ้ย 40 กว่าแล้ว ถ้ายัง 35 จะไม่เครียดขนาดนี้ (หัวเราะ) ด้วยร่างกายที่มันใช้งานหนักมากกว่าผู้หญิงคนอื่น หลังจากที่ไปปรึกษาคุณหมอมาแล้วนะ เราก็เลยมีข้อจำกัดในชีวิต มันก็เลยเป็นจุดที่ว่า ถ้าจะต้องมี ก็ต้องมีปีนี้เลย ถ้าไม่มี ก็คือไม่มีแล้ว ยุ้ยก็จะลุยงานเต็มที่เลย ก็คงจะไม่มีน้องแล้ว แต่ถ้ามีลูก พอลูกเริ่มโต เราก็จะกลับมาเล่นละครอีก เพราะงานละครเป็นงานที่ยุ้ยรักมากที่สุด แล้วชีวิตเราครึ่งชีวิต เราก็โตมากับการแสดง ถ้าจะให้ลาไปเลยคงจะเป็นไปไม่ได้”ใจยุ้ยอยากได้ลูกผู้ชายหรือผู้หญิง “ยุ้ยอยากได้ผู้หญิงค่ะ พี่ธันน์เคยอยากได้ผู้ชาย แต่ตอนนี้อยากได้ผู้หญิงแล้ว แต่ตอนนี้คุยกันแล้วว่า หญิงหรือชายก็ได้ ขอให้มีก่อน (หัวเราะ)”ถ้ามีโควิดจะปรับแพลนชีวิตอย่างไรต่อ“ตอนนี้ไม่ว่าจะมีโควิดหรือไม่มีก็ตาม ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าปีหน้าอยากมีน้อง จะลองดูสักตั้งหนึ่งก่อน ต่อให้มีโควิด ก็อยากมีลูกเหมือนเดิม แต่คุยกันไว้แล้วว่า ให้เวลาแค่ปีเดียว ถ้าปีหน้าไม่มีก็คือ ไม่ต้องหวังแล้วนะ ยุ้ยก็จะกลับมาลุยงานเต็มที่ เพราะตอนนี้ที่ไม่รับละครเพิ่มเพราะว่ากลัวว่ามันจะยืดเยื้อ แต่ถ้าเราลองกันแล้ว ฝากไข่ก็แล้วอะไรก็แล้ว ไม่มี ก็จะกลับมารับงานเหมือนเดิม ด้วยอายุ ถ้าเรารออย่างเดียวก็จะกลายเป็นว่า เราจะทำอะไรไม่ได้เลย งานก็ยังอยากทำ แล้วยุ้ยเป็นคนที่หยุดงานไม่ได้ เป็นคนที่ทำงานมาทั้งชีวิต จะให้มานั่งรออย่างเดียว มันก็ไม่ไหว ถ้าใครที่จะมีบุญมาเกิดเป็นลูกเราจริงๆ ก็ขอให้มานะ เพราะตอนนี้พร้อมแล้ว”พึ่งทั้งวิทยาศาสตร์และมูเตลู “ทุกอย่างเลยค่ะ ตอนนี้ (หัวเราะ) บุญบารมีเก่าอะไรขุดขึ้นมาหมด” ก่อนหน้ายุ้ย–ธันน์ติดเชื้อโควิด อยากให้แชร์ประสบการณ์เป็นอย่างไรบ้าง“น่าจะเป็นเชื้อโอมิครอน เป็นไข้ 1 วัน เจ็บคอมากหน่อยไม่เป็นอะไรมากค่ะ มีไอ น้ำมูกนิดหน่อย มีทานยา 3-4 วัน และ 5 วันเชื้อก็เริ่มหมด คุณหมอก็ให้ทานยาตามอาการ และกักตัวต่อ 10 กว่าวันค่ะ”เป็นโรคที่ต้องอยู่คนเดียว ใครเยี่ยมไม่ได้ เหงาไหม “จริงๆถ้าอยู่คนเดียวเหงามากแน่ๆ แต่เราโชคดีที่อยู่กับธันน์ เพราะเป็นด้วยกัน นอนพักห้องเดียวกัน แต่เหงามาก เราไม่อยากมานอนอยู่แบบนี้เป็นสิบวัน เหงาจริงๆ แต่เพื่อนๆส่งของกิน ของเยี่ยมมาให้เยอะมาก เราก็ต้องฝากขอบคุณตรงนี้ด้วยนะคะ จริงๆเราคิดถึงคุณแม่ สุนัขที่เราเลี้ยงมากๆ”ดูแลตัวเองอย่างไร “ทานยาตามที่คุณหมอให้ครบโดส ดูแลตัวเอง และป้องกันตัวเองการ์ดอย่าตก ถึงแม้เราจะเป็นแล้ว ภูมิจะสูง เราก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ คุณหมอ บอกว่า เราไม่ติด แต่เราก็อาจเป็นพาหะเอาเชื้อมาปล่อยได้ ก็ต้องดู และป้องกันตัวเองเป็นพิเศษมากขึ้น เพื่อคนรอบข้าง ก็คงต้องบำรุงตัวเอง ทานวิตามินต่างๆ พักผ่อนให้เพียงพอค่ะ”เรื่องนี้สอนอะไรเราบ้าง“สอนในเรื่องของความไม่ประมาท ต้องดูแลตัวเองให้มาก เขาระบาดหนักมากจริงๆช่วงนี้ ถึงแม้เราจะป้องกันตัวเอง เพราะเราเองต้องออกจากบ้านทำงาน เจอคนมาก เราก็ต้องดูแลตัวเองให้มากๆ ยิ่งตอนนี้เราเป็นห่วงคุณแม่มาก เพราะคุณแม่มีโรคประจำตัว กลัวจะเป็นพาหะมาให้คุณแม่ ดังนั้นต้องดูแลเป็นพิเศษกว่าเดิมค่ะ”ตอนแรกตกใจไหมที่รู้ว่าเราเป็น กลัวคนดราม่าเพ่งเล็งว่าเราเป็นคลัสเตอร์ใหญ่มั้ย “ตอนแรกตกใจมาก เราไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนรู้เป็นห่วงแม่มากที่สุดแต่แม่โชคดีไม่เป็นก็หมดกังวล ยุ้ยกับธันน์เป็นแค่สองคน ขอบคุณ ทุกๆคนที่เป็นห่วงยุ้ย ธันน์และครอบครัวมากๆค่ะ”ล่าสุดครบรอบแต่งงานลงรูปหวาน อินเลิฟตลอดจนคนอิจฉา ขอเคล็ดลับมัดใจสามีหน่อย“ต้องใส่ใจกันค่ะ เรารักกันมานานแล้ว เราต้องไม่ให้เราทั้งคู่เหินห่าง ทุกวันนี้นั่งรถเรายังจับมือกัน เหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ ยังหอมกัน กอดกัน ยังบอกรักกันทุกวัน ก่อนออกจากบ้านยังต้องหอมแก้มกัน แปรงสีฟันยังต้องใส่ยาสีฟันให้กันทุกวัน ทำทุกอย่างเหมือนวันที่เราคบกัน หรือรักกันแรกๆ ดูแลเอาใจใส่กันและกัน อย่าทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่รักเขา”ช่วงนี้แอบเห็นว่าเซ็กซี่ กล้าใส่ชุดว่ายน้ำ โชว์มากขึ้นลงไอจี สามีว่าไงบ้างห่วง หึงไหม “สามีไม่ได้หวงอะไรหรอกค่ะ ไม่มีอะไรให้โชว์ด้วย พี่ธันน์เขาไม่เคยว่า แล้วเขาก็ไม่ได้มาจำกัดอะไรเรา เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนยังไง เป็นคนที่จะไม่ลงอะไรที่น่าเกลียดจนเกินไปอะไรอยู่แล้ว พี่ธันน์จะไม่ค่อยยุ่งเลย”สามีชอบไหมมาสายเซ็กซี่ “ในสายตาเขา ยุ้ยไม่เซ็กซี่สำหรับเขาเลย (หัวเราะ)”มองอนาคตอีก 10 ปีของตัวเองอย่างไรบ้าง“ยุ้ยจะยังคงเป็น ยุ้ย-จีรนันท์ ที่ทุกคนรู้จักกันอย่างในวันนี้ อาชีพของนักแสดงต้องมีแน่ๆ อาชีพของแม่ค้าออนไลน์ ก็ไม่มีวันทิ้งแน่นอน ตราบใดที่แพลตฟอร์มฟรีของ Facebook ยังอยู่กับเราแบบนี้ ยุ้ยก็ยังจะคงอยู่แบบนี้แหละค่ะ อาจจะต้องพัฒนาไปเรื่อยๆในเรื่องของเพจ สินค้า ส่วนหน้าร้านไม่มีแน่ๆ ยุ้ยมุ่งออนไลน์มากกว่า เพราะเป็นอะไรที่สะดวกสบายที่สุด”.เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน