สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์จากประเทศคาซัคสถาน ในภูมิภาคเอเชียกลาง ที่ตลอดสัปดาห์ก่อนเผชิญกับเหตุประท้วงรุนแรงตามเมืองต่างๆ โดยเฉพาะในเมืองหลวงเก่าอัลมาตี มีผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ทั้งบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก จนรัฐบาลต้องขอความช่วยเหลือจากองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (CSTO) โดยมีรัสเซียส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์ และต่อมารัฐบาลคาซัคสถานได้ประกาศให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงสังหารผู้ก่อความวุ่นวายได้โดยไม่ต้องประกาศเตือนทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. หน่วยงานความมั่นคงและข่าวกรองคาซัคสถาน ได้เข้ารายงานสถานการณ์ต่อนายฆาเซิม โตกาเยฟ ประธานาธิบดีคาซัคสถานว่า เจ้าหน้าที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมสถานการณ์ทั่วประเทศ และอยู่ระหว่างปฏิบัติการ “เก็บกวาด” ตามแผนต่อต้านก่อการร้าย อาคารสถานที่ราชการต่างๆ กลับมาอยู่ในความดูแลของรัฐบาลตามเดิม ขณะที่ระบบบริการสาธารณะที่จำเป็น ก็ได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม คำประกาศควบคุมสถานการณ์ทั่วประเทศได้สำเร็จ ยังมีขึ้นหลังกระทรวงมหาดไทยคาซัคสถาน เปิดเผยว่า เหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ถูกควบคุมตัวกว่า 5,800 คน ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย มีผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิตกว่า 40 คน ในจำนวนนี้รวมถึงผู้ชุมนุมด้วยส่วนหนึ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเสียชีวิต 16 นาย บาดเจ็บกว่า 1,300 นาย รถยนต์ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายกว่า 400 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถตำรวจ ห้างสรรพสินค้าและธนาคารในเมืองต่างๆได้รับความเสียหายกว่า 100 แห่ง ในจำนวนนี้ห้างสรรพสินค้า 68 แห่งอยู่ในเมืองอัลมาตี ซึ่งมี 15 แห่งถูกผู้ก่อความวุ่นวายปล้นสะดมสินค้าจนเกลี้ยง นอกจากนี้ทางการได้เริ่มกระบวนการไต่สวนคดีผู้กระทำผิดแล้วอย่างน้อย 125 คน ซึ่งผู้ที่ถูกทางการควบคุมตัวทั้งหมดถูกตั้งข้อหาใช้ความรุนแรงแก่เจ้าหน้าที่รัฐ ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ฆาตกรรมและลักขโมย สื่อต่างประเทศรายงานด้วยว่า ทางการคาซัคสถานยังคงมาตรการสกัดกั้นการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง อนุญาตให้ใช้งานเข้าชมได้เพียงเว็บไซต์สื่อมวลชนท้องถิ่นไม่กี่สำนัก และเว็บไซต์ของทำเนียบประธานาธิบดี ทั้งมีรายงานว่า กองกำลังรักษาความสงบจากรัสเซียได้เข้าควบคุมและดูแลความปลอดภัย “สถานที่ทางยุทธศาสตร์” หลายแห่งในคาซัคสถาน แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม.