ยุคของ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เติบโตมาในเส้นทางนักสืบ ก่อนได้รับความไว้วางใจให้มาเป็นผู้นำสูงสุด และได้ชื่อว่า “อาจารย์ใหญ่” นักสืบตำรวจไทยยุค 5G ทำให้ช่วงนี้นักสืบคนทำงานโชว์ผลงานเต็มที่เพื่อหวังโอกาสได้รับการสนับสนุน เพราะคำสั่ง “โผนายพล” ที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก ซับซ้อน ทั้ง ฝ่ายการเมือง ผู้มีอำนาจและ “คนนอก” ที่เข้ามากดดันทำให้ ผบ.ตร.ในทุกยุคทุกสมัยทำได้ไม่เต็มที่พล.ต.อ.สุวัฒน์ ใช้โควตาในส่วนที่พอจะทำได้คัดเลือกนักสืบ มือปราบและคนที่ทุ่มเททำงานวางตัวลงไปเป็น “ผู้การศูนย์สืบสวน” ในทุก บช. น่าจะเป็นแรงกระตุ้นตำรวจทุกระดับชั้นหันมาแข่งขันกันทำงาน“ผู้การสืบสวน” เป็นตำแหน่งที่สำคัญมากในงานสืบสวนดูแลความปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี ประธาน ก.ตร. ต้องคัดเลือกนักสืบที่เหมาะสมกับงานบริหารด้านการสืบสวน เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน ที่สำคัญจะต้องเป็นที่ยอมรับของสังคมตำรวจ และพี่น้องประชาชนจะต้องไม่ให้ “ผิดฝา ผิดตัว จนเป็นปลาผิดน้ำ” เหมือนในอดีตที่สร้างรอยบาปให้กับองค์กรและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ต้องไม่คิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง คำนึงถึงประชาชนและองค์กรตำรวจส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เป็นสิ่งที่อยู่ในใจ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ในการคัดเลือก “ยอดฝีมือ” ไว้ใช้งานสืบสวนปราบปรามหน้าตาของ “โผนายพล” เป็นความลงตัวคนทำงานได้มีโอกาสเติบโตลงพื้นที่ถนัดผสม “เด็กฝาก” ที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง แม้จะไม่ได้คนทำงานทั้งหมด แต่อย่างน้อยมีคนทำงานที่ไม่มีเส้นสายอยู่ในคำสั่งมาหลายคนผบก.สส.บช.น. เลือก พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภ.7 นรต.รุ่น 46 ศิษย์คนเก่งของ ผบ.ตร. อดีตนักสืบลูกหม้อนครบาล คืนกลับถิ่นเก่า พล.ต.ต.นพศิลป์เป็นนักสืบผลงานเป็นที่ยอมรับในวงการนักสืบ อยู่ในชุดทีมคลี่คลายคดีสำคัญของ ผบ.ตร. เป็นตัวหลักคดี “น้องชมพู่” นำไปสู่การจับกุม นายไชย์พล หรือลุงพล วิภา กับ น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น หลาบโพธิ์ ปิดคดีสะเทือนขวัญฆ่าแหม่มนักท่องเที่ยวชาวสวิสพื้นที่ จ.ภูเก็ต และชุดไล่ล่ากดดันจน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.เมืองนครสวรรค์ ขอมอบตัวผบก.สส.ภ.1 เลือก พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.ตท. นรต.รุ่น 46 เติบโตมากับงานสืบสวนและงานความมั่นคง ปิดคดีฆ่าสาวไทยเปลือยยัดกระเป๋าทิ้งลำน้ำแม่กลองนานถึง 7 ปี คดีนี้ชุดสืบสวนไล่ล่าถึงประเทศสเปน เป็นลูกหม้อนักสืบภาค 1 มาโดยตลอด ครบเครื่องทั้งงานปราบงานบริหาร ผบก.สส.ภ.2 เลือก พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 นรต.รุ่น 47 ศิษย์เอกจากโรงเรียนนักสืบนครบาล ผลงานเก็บกวาดคนผสมยาเสพติดสูตรมรณะ “เคนมผง” ตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่มีคนเสียชีวิตอีกมาก คดีรวบพ่อค้ายาเสพติดใหญ่ “ลูแปงไต้หวัน” เป็นนักสืบคู่หู พล.ต.ต.นพศิลป์ พิชิตคดีน้องชมพู่และชุดไล่ล่า ผกก.โจ้ผบก.สส.ภ.5 เลือกคนในหน่วย พ.ต.อ.วรพงศ์ คำลือ รอง ผบก.สส.ภ.5 บุกทลายเครือข่าย “จุ๊บแจง” ขบวนการค้ามนุษย์จับ 3 แม่เล้าหลอกเด็กมาค้าประเวณี ผบก.สส.ภ.7 เลือกคนในหน่วย พ.ต.อ.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล รอง ผบก.สส.ภ.7 นรต.รุ่น 43 รวบมือฆ่า “ป้าฮี๊ดซีฟู๊ด” เจ้าของร้านอาหารชื่อดังเมืองชะอำผบก.สส.จชต. เลือก พ.ต.อ.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ รอง ผบก.ภ.จ.สตูล นรต.รุ่น42 นักสืบมือดีหลุดวันเวย์ไปนานดึงกลับให้ถูกที่ถูกทาง มีผลงานยึดทรัพย์พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ สตูล-นราธิวาส มูลค่า 11 ล้านบาท ส่วนคนเดิมที่ทุ่มเททำงานเข้าตา พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 นรต.รุ่น 44 โชว์จับอาวุธสงคราม แก๊งค้ายาบ้า 4 แสนเม็ด และรวบแก๊งตำรวจปลอมตระเวนชิงทรัพย์พื้นที่ บช.ภ.3 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 นรต.รุ่น 46 พิชิตแก๊งเฮโรอีนลอตใหญ่กว่า 600 กิโลกรัม มูลค่า 2 พันล้านบาท อยู่ร่วมทีมคดีน้องชมพู่พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.สส.ภ.6 นรต.รุ่น 47 ชุดทำงานของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ร่วมทีมขยายผลคดี ผกก.โจ้ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 นรต.รุ่น 38 นักสืบรุ่นใหญ่ที่ไม่ต้องพูดถึงฝีมือโด่งดังตั้งแต่สมัยเป็น สว.สืบสวนท่องเที่ยว ผลงานคดีฆ่าแหม่มนักท่องเที่ยวชาวสวิตเซอร์แลนด์ บริเวณน้ำตกโตนอ่าวยน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ตใช้เวลาเพียง 2 วัน รวบตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางพล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.ภ.9 นรต.รุ่น 37 นักสืบรุ่นลายครามสืบสวนจนรู้ตัว “ส.ท.เบิ้ม” สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสิงหนครและคนสนิท ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงชายวัย 36 ปี นำศพทิ้งทะเลสาบสงขลาจัดวาง “ผู้การสืบสวน” หน่วยหลักทุกกองบัญชาการ คนทำงานยังได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้ตัวเดิม เป็นบางส่วนของ “โผนายพล” ยุค พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่ให้ความสำคัญงานสืบสวนเพื่อทำให้ประชาชนคนไทยลดความหวาดกลัวและเชื่อมั่นตำรวจ นายตำรวจหลายคนที่ทุ่มเททำงาน “ไม่มีเส้นสาย” ถูกเสนอชื่อแต่งตั้งสูงขึ้นหรือขยับลงในตำแหน่งสำคัญ ไม่ต้อง “วิ่งเต้น” เป็นไปตามคำพูดตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่ง ผบ.ตร. เป็นอีกยุคที่คนดี มีผลงานได้ทำงานที่ถนัด เชื่อว่าระดับ “รอง ผบก.-สว.” นายตำรวจที่ทุ่มเททำงาน สร้างผลงานโดดเด่นจนได้รับรางวัลและสังคมยอมรับ จะได้รับการสนับสนุนได้ขึ้นมาทำงานที่เกิดประโยชน์กับหน่วยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “บก.สืบสวน บช.น. บช.ภ 1-9 และ บช.จชต.เป็นหน่วยหลักในการทำงานต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เวลามีคดีเกิดขึ้นต้องสามารถบริหารจัดการได้เอง โดยจะต้องประสานงานกับชุดของส่วนกลาง ต้องจัดลำดับความสำคัญของคดี โดยช่วง 3 วันแรกโดยเฉพาะบางคดีสถานที่เกิดเหตุ เป็นปัจจัยสำคัญ การตรวจที่เกิดเหตุเป็นอันดับ 1 รักษาสถานที่เกิดเหตุให้ได้ บริหารจัดการให้ได้ นิติวิทยาศาสตร์ไม่ใช่คำตอบของทุกคดี ถ้ามีต้องเก็บได้รักษาได้ สำหรับโรงพักที่ห่างไกลอาจทำไม่ได้ ผู้การสืบสวนภาคต้องลงไปดูแลผู้กำกับสืบจังหวัดและประสานส่งทีมไปที่เกิดเหตุให้รวดเร็วเป็นระบบเช่น คดีฆ่าข่มขืนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เกาะเต่าหรือคดีน้องชมพู่”“ผู้การสืบสวนจะต้องเป็นแม่แบบเป็นศูนย์การการเรียนรู้ เป็นตัวประสานหน่วยกลางกับหน่วยภูมิภาค นำเทคโนโลยีมาใช้ในงานสืบสวน สามารถทำตามตัวชี้วัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แก่ หมายจับค้างเก่า คดียาเสพติด แรงงานผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ การหลอกลวงบนโลกออนไลน์ เป็นตัวประสานหน่วยกลาง บช.สอท. และ บก.ปอท. โดยแต่ละพื้นที่มีคดีที่แตกต่างกันไป คดียาเสพติดพื้นที่ บช.ภ.5 คนร้ายข้ามชาติพื้นที่ บช.ภ.2 แรงงานผิดกฎหมาย พื้นที่ บช.ภ.5 บช.ภ.6 และ บช.ภ.7 ทรัพยากรธรรมชาติพื้นที่ บช.ภ.8 ความมั่นคงพื้นที่ บช.ภ.9 และ บช.น. เรื่องการดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นตัวแบบของทุกเรื่อง ผู้การสืบสวนภาคจะต้องเป็นตัวแทนได้ในการทำงานคดีใหญ่ต้องลงไป ลำพังโรงพักทำเองไม่ไหว”เป็นตำนานบทใหม่วงการ “นักสืบ” คนที่ทุ่มเท มีผลงานเป็นที่ยอมรับถูกวางตัวลงเป็น “ผู้การสืบสวน” เป็นมือไม้ให้ “บิ๊กปั๊ด” ในทุก บช. เพื่อทำให้สิ่งที่หวังไว้ว่าจะทำให้พื้นที่ปลอดภัย ลดความหวาดระแวงในสังคม เริ่มต้นจากวาง “นักสืบ” ให้อยู่ในทุกพื้นที่ กวาดล้างเหล่ามิจฉาชีพ สร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในสังคม...เรียกศรัทธาขององค์กรสีกากีให้กลับคืนมา.ทีมข่าวอาชญากรรม