สถานการณ์ โควิด-19 ในประเทศไทย กำลังอยู่ในช่วงหักดิบ รัฐบาลเร่งระดมฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 20 ล้านโดส ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส 50 ล้านคนในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งถ้าพลาดไปจากนี้ ประเทศไทยจะกลายเป็น ขี้โรคแห่งเอเชีย ทันทีเพราะ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิต ที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเป็นรายวัน กับ ปริมาณวัคซีน และยารักษาโควิด เริ่มจะไม่ได้สัดส่วนที่สมดุล คนไข้สะสมกับคนป่วยที่หายกลับบ้านได้มีปริมาณที่ห่างกันมากขึ้น ซึ่งหมายถึงเตียงคนไข้ที่จะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนก็ลดลงตามไปด้วยข้อนี้ยืนยันโดยการที่ รัฐบาลต้องยอมจำนน ให้กับวิธีการตรวจหาเชื้อแบบ ATK และการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation แต่เนื่องจาก ระบบสาธารณสุข ในบ้านเรายังไม่ได้มาตรฐานที่จะสามารถเชื่อมต่อการรักษาพยาบาลแบบทันสมัยระหว่าง คนป่วยกับแพทย์ ได้อย่างเต็มรูปแบบ อย่างดีก็มี อาสาสมัคร อสม. เอายาเอาอาหารมาทิ้งไว้ให้เพื่อประทังชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยโควิด ในชุมชนที่แออัด การติดเชื้อจึงไม่ลดปริมาณลงและมีผู้ติดเชื้อโควิดโดยไม่รู้ตัวจำนวนมากตรงนี้เป็นอันตรายเพราะในที่สุดโควิดจะอาศัยร่างกายมนุษย์ที่ไม่ได้รับการตรวจหรือการรักษาที่ถูกต้อง แพร่ระบาดรุนแรงมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะพบการแพร่ระบาดที่มากขึ้นจากในอัตรา 1 ต่อ 9-10 ที่พบ ในปัจจุบันหรือรัฐบาลจะใช้วิธีคิด การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จากผู้ป่วยโควิด หลังจากที่คนไข้ได้รับการรักษาหายแล้ว เช่นในบางประเทศที่ปล่อยให้มีผู้ป่วยโควิดร้อยละ 80-90 ของประชากร หลังจากนั้นทำการรักษาให้หาย ก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่โหดร้าย อำมหิตไปหน่อยในที่สุดโควิดก็จะไปโยงกับการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็เหมือนกับทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส ที่ชาวบ้านทนไม่ไหวกับมาตรการของรัฐบาล ออกมาเดินขบวนไล่รัฐบาล ไม่สนว่าจะมีการประกาศกฎอัยการศึก หรือจะติดโควิดหรือไม่และคำตอบส่วนใหญ่ของผู้นำก็คือ ไม่ออกกลายเป็นปัญหาการเมืองผสมกับโควิด เช่น ในเมียนมา ปัญหาโควิดหนักหนาสาหัส เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น คนเมียนมาลักลอบหนีภัยการเมืองและภัยโควิดจำนวนมาก จนจังหวัดตามแนวชายแดนถึงกับด่านแตก เช่นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นต้นรัฐบาลได้เปรียบมวลชนวันยังค่ำ ทั้ง กระสุนยางและแก๊สน้ำตาไม่รู้ไปสะสมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ระดมมาสกัดมวลชนไม่อั้น จนชาวบ้านตัดพ้อว่า ได้รับวัคซีน เหมือนกระสุนยางและแก๊สน้ำตาก็จะดีมากในสภาก็เอารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่ เพราะการเมือง คิดกันแต่การเมืองมาก่อนชีวิตชาวบ้าน วิธีง่ายๆถ้านักการเมืองพร้อมใจกันลาออก หรือพรรคร่วมสมานฉันท์กันถอนตัว แล้วไปเชิญผู้ที่สามารถแก้ปัญหาได้มาบริหาร ซึ่งบ้านเราคนมีความรู้ คนดีมีความสามารถเต็มประเทศไปหมดแค่ไม่มีโอกาสเท่านั้น จะไปรอแก้ไขตอนเลือกตั้ง ก็เหมือนเดิม เจอกระสุนเงินเข้าไป ก็ได้แต่หน้าเดิมๆพฤติกรรมเดิมๆเข้ามา ชาวบ้านก็เดือดร้อนเหมือนเดิม ไม่เข็ด.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th