“วิระชัย ทรงเมตตา” เข้า ตร.ลงบันทึกประจำวันพร้อมปฏิบัติหน้าที่แล้ว หลังศาลปกครองกลางสั่งทุเลาคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.เหมือนเดิม ระหว่างสู้คดีชั้นศาล พร้อมเข้ารายงานตัว “บิ๊กปั๊ด” ใช้เวลา 30 นาที ก่อนเดินทางกลับ ตร.หัวปั่นเร่งหาทางแก้ปัญหา เพราะถ้าให้กลับมาตำแหน่งเดิม ยังไม่รู้ว่าจะเอารอง ผบ.ตร. ปัจจุบันไปไว้ที่ไหน เรียกประชุมด่วนฝ่ายกฎหมายและคดี พร้อมสำนักงานกำลังพลหาทางออก ยันสามารถอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 30 วันกรณี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ถูกคำสั่งสำรองราชการ ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีกรณีถูกกล่าวหาว่าดักฟังและเผยแพร่ข้อมูลการสนทนาระหว่างตัวเองกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ตั้งแต่ปี 63 ต่อมา พล.ต.อ.วิระชัยยื่นฟ้องศาลปกครองกลางให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการ ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่ง ตร.ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค.63 สั่งให้สำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัยและประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 31 ส.ค.63 ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอื่น ทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย มีสิทธิ์กลับมาดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ตามเดิม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 ก.ค. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.เดินทางเข้ามาเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนไปลงบันทึกประจำวันที่สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ (สลก.ตร.) ตามประจำวันข้อ 4 เพื่อกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. หลังยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางตามคดีหมายเลขดำที่ บ.438/2563 และยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราว กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งพิพากษาหรือคำสั่งอย่างอื่นหลังเสร็จสิ้นการลงบันทึกประจำวันกลับมาปฏิบัติหน้าที่รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ตามที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับของคำสั่งสำรองราชการ และยังมีคำสั่งทุเลาคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ตนพ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.จนกว่าจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ส่งผลให้การเสมือนว่า ไม่มีคำสั่งสำรองราชการตน และเสมือนว่าไม่มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีให้ตนพ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.มาก่อน ส่งผลให้ตนดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.60 มาจนถึงปัจจุบันโดยไม่ขาดตอน วันนี้มาลงประจำวันเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ดังนั้นวันนี้ตนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ตามคำสั่งศาลมีผลทันที ส่วนอื่นที่เป็นคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องไปดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนหน้างานรับผิดชอบยังต้องรอการมอบหมายงานใหม่จาก ผบ.ตร.จากนี้ตนต้องเข้าไปรายงานตัวกับ ผบ.ตร.พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า จากนี้ตนจะปฏิบัติหน้าที่ตามระยะเวลาราชการที่เหลืออีกปีเศษ จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ดีที่สุด ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน อย่างสุดความสามารถ รู้สึกดีใจหลังไม่มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่มาเป็นเวลาปีเศษ ส่วนกรณีการสอบวินัยของสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ เป็นเรื่องของคณะกรรมการสอบสวนวินัยและผู้บังคับบัญชา ต้องดำเนินการไปตามความเป็นธรรมต่อไป กรณีฟ้องร้องเรื่องเดิมที่อยู่ที่ศาล เป็นเรื่องของศาลที่ต้องพิจารณาตามกระบวนการ ที่ผ่านมาตนไม่เคยโกรธใครมีรายงานด้วยว่า หลังจาก พล.ต.อ.วิระชัยลงบันทึกประจำวันที่สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติแล้ว เดินทางขึ้นไปพบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ที่สำนักงานชั้น 4 ทันที แต่ปรากฏว่า ผบ.ตร.ยังไม่ได้เข้าสำนักงาน จึงฝากเอกสารต่างๆไว้ ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.วิระชัย เดินเข้าไปพบ ผบ.ตร.อีกครั้ง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังได้รับหนังสือคำสั่งจากศาลปกครองกลาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที ตามแนวทางน่าจะยื่นอุทธรณ์ภายในกรอบเวลา 30 วัน พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามหาทางออก เนื่องจากกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องใหม่ไม่เคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่ศาลปกครองกลางคุ้มครองให้ พล.ต.อ.วิระชัยกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.เดิม ปัจจุบันมีรอง ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับหนังสือจากศาลปกครองกลางแล้ว คงต้องพิจารณาตัวกฎหมายโดยสำนักงานกฎหมายและคดี รวมถึงสำนักงานกำลังพล ต้องร่วมกันหาแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไร สำหรับกรณีดังกล่าวไม่เคยปรากฏในสำนักงานตำรวจแห่งชาติการพิจารณาข้อกฎหมายต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วน ส่วนผู้ถูกฟ้องขณะนี้มีด้วยกัน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร. สำนักงาน ก.ตร. และประธาน ก.ตร. ดังนั้น 4 กลุ่มนี้คงจะใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำสั่ง ส่วนขั้นตอนการดำเนินการเมื่อ พล.ต.อ.วิระชัย กลับมาแล้ว คำสั่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยออก ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งสำรองราชการ และคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงต้องรอไว้ก่อน ต้องระงับชั่วคราวตามคำสั่งศาล แต่ตัวคำสั่งยังคงอยู่ ที่สุดแล้วต้องดูคำตัดสินของศาลจะเป็นอย่างไรต้องรออีกครั้งหนึ่งพล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวด้วยว่า ส่วนจะให้ พล.ต.อ.วิระชัยดำรงตำแหน่งตรงไหน หน้าที่อะไร ต้องรอการพิจารณาของฝ่ายกฎหมายและฝ่ายกำลังพลว่ามีแนวทางอย่างไร ส่วนกรณี พล.ต.อ.วิระชัยจะกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ เป็นคำยืนยันของ พล.ต.อ.วิระชัยต่อสื่อมวลชน แต่ทั้งนี้ฝ่ายกฎหมายต้องพิจารณาอีกครั้งว่า การปฏิบัติหน้าที่จะปฏิบัติอย่างไร เพราะปรากฏการณ์อย่างนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนเหมือนกัน แต่ต้องให้เป็นไปตามศาลปกครองกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องหาแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งศาล ดังนั้นฝ่ายกฎหมายและฝ่ายกำลังพลต้องไปหาแนวทางการปฏิบัติมา ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลา แต่เข้าใจว่าทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องต้องเดินหน้าให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย กรณีนี้อย่าเพิ่งบอกว่าเรามึนกับกรณีดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ได้มึน คำสั่งศาลว่าอย่างไรเราดำเนินการอย่างนั้น แต่จะทำอย่างไรต้องมาหาแนวทางกัน แต่ต้องรักษาสิทธิ์ตามกฎหมายของทุกคน