โยนกลองกันให้วุ่น “บิ๊กตู่” โบ้ยไม่เกี่ยวองค์ประชุมสภาทำ ร่างฯประชามติค้างเติ่ง ส.ว.ปัดสวะใส่ฝ่ายค้านหน้าตาเฉย “สมคิด” ตอก “วันชัย” สมองเสื่อมหรือเปล่า แฉอยู่กันสลอนแต่ไม่ยอมแสดงตน “สุทิน” ชี้ ส.ว.ตัวดีขอนับองค์แต่หายจ้อย จับตา 18 เม.ย. พปชร.เล่นเกมเก้าอี้ดนตรีจากกรณีที่สมาชิกรัฐสภา โดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล-ส.ว. แสดงถึงความมีจิตสำนึกในการทำหน้าที่ เป็นเหตุให้องค์ประชุมร่วมรัฐสภาเกิดปัญหา ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ จนนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ต้องชิงปิดประชุมก่อนที่องค์ประชุมจะล่ม จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก “ตู่” รีบโบ้ยไม่เกี่ยวองค์ประชุมสภาเมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 9 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงปัญหาองค์ประชุมร่วมรัฐสภา ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (พ.ร.บ.ประชามติ) จนต้องเลื่อนไปประชุมต่อในสมัยสามัญ ว่า สาเหตุเกิดจากมีคนติดเชื้อโควิด และตนไม่สามารถไปบังคับให้เขาร่วมประชุม เป็นเรื่องของสภา เขากลัวติดโควิดละมั้ง ยืนยันว่าไม่ได้ไปยุ่งอะไร พ.ร.บ.ประชามติจะผ่านหรือไม่ขึ้นอยู่กับกรรมาธิการและสมาชิก ตนคุมไม่ได้เป็นคนละหน้าที่กัน หน้าที่แรกคือรัฐบาลเริ่มต้น ถ้าหลุดจากรัฐบาลไปแล้วไปถึงรัฐสภา นั้นคือรัฐบาลสนับสนุนอยู่แล้ว แต่จะออกได้หรือไม่สภาเป็นผู้พิจารณา ทุกคนมีความคิดไม่ต้องไปสั่งใคร“วันชัย” ปัดสวะใส่ฝ่ายค้านเฉยนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านกล่าวหา ส.ว.เป็นต้นเหตุให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติต้องล่มกลางคันว่า ฝ่ายค้านหน้าไหว้หลังหลอก ไม่จริงใจ คิดแต่เล่นการเมืองตลอด ต้องการให้กฎหมายประชามติผ่านสภาเพราะเป็นกุญแจดอกแรกของการแก้รัฐธรรมนูญ แต่กลับเข้าร่วมประชุมน้อยมากถึงขั้นองค์ประชุมล่ม จะโทษฝ่ายรัฐบาลหรือ ส.ว.ไม่ได้ ส.ว.เข้าร่วมหนาแน่นถึง 230 คน ส่วนเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล แม้หายไปบ้างเพราะโควิด แต่รวมกันอยู่ประมาณ 300 เสียงถ้าฝ่ายค้านทุ่มเทจริงจังระดมคนร่วมประชุมสัก 200 เสียง กฎหมายจะผ่านไปด้วยดี แต่ฝ่ายค้านหายหัวไปไหน แล้วมาชี้หน้าด่ากัน เล่นการเมืองเหมือนลิงหลอกเจ้า กฎหมายประชามติที่ล่าช้าเพราะฝ่ายค้านไม่เข้าประชุม สักแต่พูดให้ดูดี แต่การกระทำสวนทางกัน “แรมโบ้” บ่นอะไรก็โทษนายกฯนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วย รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่ององค์ประชุมถือเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา ไม่เข้าใจว่ามาเกี่ยวอะไรกับนายกฯ อะไรก็โยนให้นายกฯและรัฐบาลทุกเรื่อง เชื่อว่าที่สมาชิกรัฐสภาบางส่วนไม่เข้าประชุม อาจเกิดจากกลัวการระบาดเชื้อโควิด เพราะมี ส.ส.บางคนติดเชื้อ ถือเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ส่วนคนที่อยู่แต่ไม่ยอมเข้าห้องประชุม ต้องฟังเหตุผลของแต่คนไป การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ เป็นหน้าที่รัฐสภา ต้องโทษสมาชิกด้วยกัน ฝ่ายค้านเล่นการเมืองมากเกินไป สภาจึงล่มบ่อยครั้ง“สมคิด” ตอกสมองเสื่อมหรือเปล่าด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี กล่าวตอบโต้ว่า นายวันชัยอาจหลงลืมเพราะสมองเสื่อมหรือไม่ไม่ทราบ กฎหมายฉบับนี้เป็นของรัฐบาล รัฐบาลมีหน้าที่รักษาองค์ประชุม และฝ่ายค้านไม่ได้ละเลยอยู่หนาแน่น เรื่องนี้มีอาการตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.เสียงปริ่มมาตลอด เพราะ ส.ว.จำนวนหนึ่งไม่กดแสดงตน อยู่ในเหตุการณ์ตลอดที่ประธานสภาฯเรียกแสดงตน จึงระดม ส.ส.ฝ่ายค้านที่อยู่นอกห้องเข้ามาแสดงตน แต่ ส.ว.จำนวนมากยังนั่งกินกาแฟหน้าห้องประชุม ไม่สนใจไยดีกับห้องประชุมเลย จึงเป็น ส.ว.ที่ไม่รับผิดชอบต่อองค์ประชุม ประธานรัฐสภาจึงเชิญวิป 3 ฝ่ายไปคุย นายสมชาย แสวงการ วิปวุฒิสภา บอกต่อประธานฯว่า ส.ว.หลายคนไปฉีดวัคซีนโควิด ถ้าลากประชุมไปอาจไปไม่รอด จึงบอกว่าประชุมต่อสักชั่วโมงก็เดินหน้าต่อได้ แต่สุดท้าย ส.ว.ไม่ยอมกดแสดงตัวแฉอยู่กันสลอนแต่ไม่แสดงตนนายสมคิดกล่าวอีกว่า หลักฐานมีพิสูจน์ได้ว่า ส.ว.บางส่วนนั่งในห้องประชุมแต่ไม่แสดงตน อย่าโยนบาปฝ่ายค้าน เป็นหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลและ ส.ว.ที่ต้องรักษาองค์ประชุม และฝ่ายค้านไม่ได้ละเลยหน้าที่เพราะเราต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวันชัยรู้อยู่แก่ใจว่ามีแกนนำ ส.ว.คนหนึ่งมาพูดว่าโกรธพรรคแกนนำรัฐบาลที่ไม่มาประชุม คือพรรคพลังประชารัฐที่ปล่อยให้ ส.ว.รับผิดชอบองค์ประชุมเลยงอน แต่ความจริงทั้งพรรคพลังประชารัฐและ ส.ว. ไม่อยากให้กฎหมายประชามติผ่านเพราะกลัวการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเปล่า ชี้ ส.ว.ตัวดีขอนับองค์แต่หายจ้อยนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ที่ประชุมจะล้มหรือไม่ล้มไม่ต้องไปดูเรื่องอื่น อยากให้ดูว่าใครเสนอให้นับองค์ประชุม หรือใครเสนอให้ปิดประชุม ทั้งที่องค์ประชุมขณะนั้นยังครบอยู่ นั่นคือ ส.ว. ฝ่ายค้านรู้ว่า ส.ส.มีปัญหาเรื่องโควิด โดยเฉพาะ ส.ส.รัฐบาลที่ลากันเยอะ ฝ่ายค้านก็อยู่ปักหลักกันเต็มที่ และเราค้านการเลื่อนประชุมมาตั้งแต่แรกจนนาทีสุดท้าย ฝ่ายค้านยังเป็นคนวิงวอนให้มีการประชุมต่อ ขณะที่เราวิงวอนให้ประชุมต่อองค์ประชุมครบ ส.ว.ก็อยู่ครบประธานก็บอกเดินไปได้ ถ้า ส.ว.อดทนอยู่ร่วมกับฝ่ายค้านไม่ถึงชั่วโมง การพิจารณาก็จบ แต่เราเห็นว่าการพยายามจะเลื่อนประชุมมีมาตั้งแต่เช้า ประธานวิปรัฐบาลก็ขอเลื่อน แต่ฝ่ายค้านยืนยันว่าประชุมต่อ แต่พอตอนจะล้ม ส.ว.เสนอให้นับองค์ประชุมทั้งที่รู้อยู่ว่าองค์ประชุมครบ ถ้าไม่มีการเสนอนับองค์ประชุมและไม่เดินออกจากห้องประชุมก็เดินต่อไปได้ ถ้าจะบอกว่าใครเป็นเหตุทำให้ล้มก็ต้องมองไปที่คนเสนอ จะรู้เจตนา“พิชัย” ห่วง รบ.เป๋าฉีกเอาไม่อยู่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ถือเป็นความล้มเหลวและน่าละอายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯสวมบทหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองต้องรับผิดชอบเต็มๆ โดยเฉพาะการที่มีรัฐมนตรีติดโควิดเสียเอง สร้างความอับอายเสื่อมเสียให้กับรัฐบาล ทำให้มีข้อสงสัยถึงจริยธรรมและความเหมาะสม น่าเป็นห่วงว่าจะทำลายโอกาสการฟื้นเศรษฐกิจของไทยอย่างหมดสิ้น ทั้งที่กำลังเตรียมเปิดประเทศรองรับนักท่องเที่ยว เปิดรับการค้าการลงทุน แต่ต้องมาหยุดชะงักลง ตามที่รัฐบาลโม้ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4 หลังจากปีที่แล้วทรุดหนักติดลบร้อยละ 6.1 คงเป็นไปไม่ได้แล้ว อาจทรุดหนักลงอีก ทำให้ความหวังคนไทยที่จะลืมตาอ้าปากต้องพลอยสิ้นหวังและฝันสลายไปด้วย ประชาชนอาจทนไม่ไหว รัฐบาลคงไม่สามารถเยียวยาได้มากกว่านี้แล้ว เพราะหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสูงมาก 5 เดือนแรกก่อหนี้เพิ่มถึง 6 แสนล้านบาท แถมยังจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า การแจกเงินก็สะเปะสะปะมากจับตา 18 เม.ย. เขย่าเก้าอี้ พปชร.ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีหนังสือเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2564 วันที่ 18 เม.ย. ที่โรงแรมรามา การ์เด้น ทั้งนี้เรื่องที่ต้องจับตาคือการพิจารณาปรับโครงสร้างพรรคใหม่ อาจมีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรค หลังนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ อดีตรองหัวหน้า พปชร. และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกในคดีชุมนุม กปปส. ทำให้พ้นจากตำแหน่งไป โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรคของนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้า พปชร. หรือไม่ ท่ามกลางการเดินเกมวัดขุมกำลังกันระหว่างกลุ่ม 4 ช. ที่นำโดย ร.อ.ธรรมนัส นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม กับกลุ่ม 4 ว. ที่นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้า พปชร. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายอนุชาไทย–ญี่ปุ่นกระชับหุ้นส่วนเศรษฐกิจวันเดียวกันเวลา 15.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หารือทางโทรศัพท์กับนายซูกะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พร้อมแสดงความยินดีในโอกาสนายกฯญี่ปุ่นเข้ารับตำแหน่ง ทั้งสองฝ่ายหารือถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันรัฐบาลไทยเตรียมปรับปรุงแก้ไขอุปสรรคด้านการลงทุน พร้อมยกระดับสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจให้เอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่มีศักยภาพ ทั้งสองฝ่ายพร้อมสนับสนุนจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 5 เพื่อขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ และพร้อมร่วมมือกับญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกอาเซียน ในโอกาสที่ไทยเป็นผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ช่วงปี 2564-2567 ในโอกาสนี้นายกฯญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเอเปกในปี 2565ยื่นค้านเลขาสภาซูเอี๋ยผู้รับเหมาที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต ส.ว.ยโสธร ร่วมเข้าชื่อยื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่สารบรรณถึงนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้ระงับยับยั้งการงดค่าปรับให้แก่ผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภา หลังมีข่าวว่าสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือแจ้งต่อผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ว่าได้อนุมัติให้งดการเรียกค่าปรับประมาณ 1,200 ล้านบาทไปแล้วนั้น หนังสือร้องเรียนของนายวัชระระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเนื่องจากสัญญาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่กำหนดไว้ 900 วัน ค่าก่อสร้าง 12,280 ล้านบาท แต่ขยายเวลาก่อสร้างถึง 4 ครั้ง รวม 1,864 วัน เป็นเวลา 2 เท่าของสัญญาเดิม รวมทั้งสิ้น 2,764 วัน ถึงวันนี้รวม 2,861 วัน ก็ยังไม่เสร็จ ที่สำคัญการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบ วัสดุอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน การก่อสร้างที่ไม่เสร็จตามสัญญา ทำให้ราชการเสียหายรวมนับพันล้านบาท หลังจากนี้จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไปปณท.สกัดรื้อระบอบ “ประยุทธ์”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Re-solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่ เผยแพร่ข้อความระบุว่า หลังจากเปิดช่องทางให้ประชาชนร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญทางไปรษณีย์ พร้อมขออนุญาตใช้ซองธุรกิจตอบรับเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งเอกสารของประชาชน แต่ปรากฏว่าวันนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด แจ้งมาว่าไม่อนุญาตให้ใช้ซองธุรกิจตอบรับ เนื่องจากชื่อผู้รับในภาคจ่าหน้าและข้อความที่อนุญาตให้โฆษณา “ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์” เป็นข้อความที่อาจส่งผลกระทบต่อ ปณท.ได้ และยังแจ้งว่าการส่งจดหมายไม่สามารถจ่าหน้าซองด้วยคำว่า “ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์” ได้ “กลัว! แม้แต่การเข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ” นายปิยบุตร เเสงกนกกุล ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า โดนอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร พวกเรายังเดินหน้ารณรงค์ต่อ ยิ่งขัดขวางมากเท่าไหร่ประชาชนจะแสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่ยอมก้มหัวให้ระบอบกินคนนี้อีกต่อไป ถ้าทุกคนกลัว ถ้าทุกคนสยบยอม สังคมจะไม่มีทางออกจากกับดักระบอบประยุทธ์ได้ “ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์”ทั้งจำ–ปรับแก๊งโกง “คนละครึ่ง”อีกเรื่อง น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ศาลแขวงบางบอนมีคำพิพากษากรณีพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 10 ฟ้องนางกัญจน์ญาภัท เส็งดอนไพร เจ้าของร้านขายของชำใน กทม. ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง และผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 6 ราย ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงเงินโครงการคนละครึ่ง โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 1 เดือน และปรับกระทงละ 5,000 บาท ส่งผลให้เจ้าของร้านได้รับโทษจำคุกรวม 52 เดือน ปรับ 260,000 บาท ส่วนผู้เกี่ยวข้องได้รับโทษจำคุก คนละ 8-17 เดือน ปรับคนละ 40,000-85,000 บาท โดยให้รอลงอาญาโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ทั้งนี้ นอกจากดำเนินคดีอาญาแล้ว กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเรียกคืนเงินจากผู้กระทำผิด และไม่สามารถเข้าร่วมโครงการอื่นได้อีก ที่ผ่านมากระทรวงการคลังส่งข้อมูลผู้กระทำผิดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ทั้งสิ้น 1,024 ราย มีการร้องทุกข์กล่าวโทษร้านค้าและประชาชนที่เกี่ยวข้อง 85 ราย และจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมต่อไป