จากความตั้งใจที่จะเป็นหมอ ทำให้ นพ.สิพกร เจินยุหะ มุ่งมั่นตั้งใจเรียนแพทย์จนประสบความสำเร็จ และได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงาน สร้างธุรกิจของตนเองนพ.สิพกร เจินยุหะ หรือ หมอโหน่ง แห่ง Ultima Clinic เล่าถึงชีวิตการทำงานในเส้นทางการเป็นแพทย์ว่า ตนจบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ที่อยากเรียนหมอเพราะตั้งแต่เด็กเป็นเด็กขี้โรคเข้าโรงพยาบาลบ่อย เลยคุ้นเคยกับบรรยากาศในโรงพยาบาล และเคยไปดูแลคุณแม่ที่ป่วยในโรงพยาบาล จนมีความรู้สึกว่าถ้าเราเป็นหมอก็คงจะได้ดูแลคนในครอบครัว พอเรียนจบได้เป็นแพทย์ใช้ทุนที่จังหวัดสกลนคร จนครบ 3 ปี ช่วงนั้นเริ่มมีความสนใจในเรื่องคลินิกความงาม เลยไปอบรมหลักสูตรผิวหนังเบื้องต้น (Short course in skin disease) ที่สถาบันโรคผิวหนัง และได้ไปอบรมหลักสูตรดูดไขมันที่ School of anti aging and regenertive Medicine มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พร้อมทั้งทำงานในคลินิกความงาม ซึ่งอยู่ในวงการนี้มานานกว่า 10 ปี จนกระทั่งได้มาเปิดคลินิกของตัวเอง ในชื่อ Ultima Clinic คลินิกเสริมความงามและดูดไขมัน ที่โครงการ Stadium One ที่จุฬาลงกรณ์ ซอย 5 “งานที่ทำตอนนี้ แม้ไม่ได้เป็นการรักษาการเจ็บป่วย แต่เป็นงานที่สร้างความสุขให้แก่คนได้ บางทีเขาไม่ได้เป็นโรคอะไร เพียงแต่ว่ามีอะไรบางอย่างที่เขากังวลตรงจุดนี้ แล้วเขาเป็นทุกข์ เป็นปมในใจ แล้วเราไปแก้ตรงนั่นได้ เขามีความสุข ชีวิตเขาดีขึ้น ซึ่งผมมองคนไข้เป็นเพื่อน เขามีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย การทำงานของผมที่ทำให้มาเปิดคลินิกที่นี่ เนื่องจากทำมาหลายคลินิก บางแห่งจะเน้นธุรกิจมากเกินไป จนบางทีเราลืมนึกถึงความคุ้มค่าและความปลอดภัยของคนไข้ หลักการทำงานของผม ผมมองว่าคนที่มาหาเราเป็นเหมือนเพื่อน ที่เราจะดูแลเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายแฮปปี้ ในส่วนของความปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุขประกาศสิทธิ์ของผู้ป่วยเลยครับว่า มีสิทธิ์ที่จะทราบชื่อหมอ ข้อมูลของหมอ และของสถานพยาบาลนั้นๆ ดังนั้น คนไข้ต้องใช้สิทธิ์ตรงนั้นให้เต็มที่ ตรวจสอบให้เต็มที่ว่าเป็นคุณหมอจริงไหม คุณหมอเชี่ยวชาญเก่งในเรื่องๆนั้นจริงไหม คลินิกนั้นปลอดภัย มีการจดทะเบียนหรือยัง”ในการทำงานนอกจากเรื่องความชำนาญแล้ว คุณหมอโหน่ง บอกว่า ต้องมีการอัปเดตความรู้ นวัตกรรมต่างๆอยู่เสมอ เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการทำงานที่ต้องตอบโจทย์ตัวเองและผู้เข้ามารับบริการ “เวลามีเคสผมจะรับฟังคนไข้ให้มากที่สุด แล้วค่อยๆไล่ดูว่า ปัญหาของเขาคือะไร บางทีการแก้ปัญหา อาจจะใช้วิธีการอื่นที่ไม่ต้องเจ็บตัว เพราะสิ่งที่อยู่ในหัวผม คือคำพูดของฮิปโปคราติส บิดาแห่งการแพทย์ ว่า “First, Do no harm” เวลาที่จะรักษาคนไข้ ทำอย่างไรก็ได้อย่าให้คนไข้มีอันตราย ดูแลรักษาให้ดีที่สุด โดย เฉพาะคนที่เข้ามารักษาด้านความสวยความงาม เขาไม่ได้เจ็บป่วยเป็นโรคอะไร เราก็ไม่ควรทำให้เขาเจ็บป่วย แต่เขาต้องการความสุขเพิ่มเติมในชีวิตเขา เราควรจะทำให้เขามีความสุข ทุกครั้งที่ทำหัตถการ ทำเคส จะคิดสลับที่กับคนไข้เสมอ เราจะทำเหมือนคนที่นอนรักษาคือตัวเรา ดังนั้น เราจะ do no harm ทำให้เขารู้สึกเจ็บน้อยที่สุด”...คติประจำใจของคุณหมอคนนี้.