ความหวังของคนกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่จะได้นั่งรถโดยสารประจำทาง หรือ “รถเมล์” ที่มีสภาพใหม่เอี่ยม...เป็นรถพลังงานไฟฟ้า แอร์เย็นฉ่ำ ลดมลภาวะ PM2.5 สุดเจ๋งแจ๋ว ไฉไลกว่าเดิมในราคาสบายกระเป๋า ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องลุ้น และ...ติดตามกันต่อไปว่าที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะไฟเขียวให้ “แผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)” ที่กระทรวงคมนาคมเสนอไปนั้น ได้ไปต่อเมื่อใด?หลังจากเมื่อปลายปี 2563 ถูกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตีกลับ อดเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ใช้บริการรถเมล์จะว่าไปแล้ว “แผนฟื้นฟูฯ ขสมก.” มีการพูดถึงกันมาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบันกลับยังไม่สามารถนำแผนดังกล่าวมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมได้ประชาชนจึงต้องทนนั่งรถเมล์ในสภาพเก่าๆผุพังต่อไป...ประเด็นสำคัญมีว่า กรุงเทพฯเป็นเมืองที่การคมนาคมเจริญที่สุดเมืองหนึ่งในประเทศ แต่ทำไมถึงเป็นเมืองที่สภาพรถเมล์เก่าที่สุดและไม่มีความปลอดภัย น่าสนใจว่าทั้งที่ที่ผ่านมา ขสมก. และ กระทรวงคมนาคม ต่างพยายามผลักดัน...เร่งรัดเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดได้หารือกับ สลค. และมีข้อสรุปมาแล้วว่า กระทรวงคมนาคมต้องนำแผนฟื้นฟูฯ เสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดสภาพัฒน์) พิจารณาก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ครม.เรื่องราวความคืบหน้าเป็นเช่นนี้ ทำเอาหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า...เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรในกอไผ่หรือไม่? เพราะเรื่องนี้ผ่านการถามความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสภาพัฒน์ และผ่านการพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) มาแล้ว...แต่...เหตุใดจึงยังถูกยื้อให้พิจารณากันอีกรอบก่อนเสนอกลับไปยัง ครม. ประเด็นนี้ทำเอาเจ้ากระทรวงคมนาคม ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว. คมนาคม ถึงกับเอ่ยปากผ่านสื่อว่า “เป็นเวรเป็นกรรมของประชาชนที่ต้องใช้รถเมล์เก่าไม่มีคุณภาพ และไม่รู้ว่าต้องทนไปอีกนานแค่ไหน” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) ย้ำว่า แผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในหลักการถือว่าเป็นแผนฟื้นฟูฯที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการจ้างเอกชนวิ่งรถโดยสารตามระยะทางที่ให้บริการโดยจ่ายค่าจ้างเป็นกิโลเมตร (กม.) เป็นแนวคิดที่ดีมาก เพราะ ขสมก.จะได้ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าซ่อมบำรุง และค่าเสื่อมสภาพของรถโดยสารจำนวนมากเหมือนในปัจจุบันแนวคิดนี้ได้คิดกันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว แต่ยังไม่สามารถนำมาดำเนินการเป็นแนวปฏิบัติที่ชัดเจนได้“เท่าที่ดูแผนฟื้นฟูฯ ฉบับที่เผยแพร่ต่อสาธารณชน พบว่า มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนกว่าแผนฟื้นฟูฉบับที่ผ่านๆมา หากได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับทั้ง ขสมก. และประชาชน อย่างไรก็ตามเวลานี้ที่มีข่าวว่าแผนฟื้นฟูฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์นั้น ส่วนตัวมองว่าสภาพัฒน์น่าจะเห็นด้วยในหลักการ เพียงแต่รายละเอียดในการปฏิบัติเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในแผนฟื้นฟูฯ ทางสภาพัฒน์อาจยังไม่มั่นใจ จึงเป็นเรื่องที่ ขสมก.ต้องชี้แจงให้ได้ ซึ่งผมเชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร”แน่นอนว่า...เรื่องนี้เหมือนหวยจะไปออกที่ “สภาพัฒน์” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุด และถือเป็นโจทย์สำคัญที่จะทำให้แผนฟื้นฟูฯ ขสมก.จะได้เดินหน้าต่อไปหรือไม่เมื่อมีการพาดพิงกันถึง คงต้องขอเปิดพื้นที่ให้ “สภาพัฒน์” ได้เคลียร์กันชัดๆ ถึงข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ และนับจากนี้ไปกระทรวงคมนาคมต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปที่จะให้แผนฟื้นฟูฯ ขสมก. ฉบับล่าสุดนี้ ได้ถูกนำมาใช้จริง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร ประเทศชาติ และประชาชน ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์” บอกว่า เรื่องนี้อาจเป็นการเข้าใจผิดกัน ซึ่งแผนฟื้นฟูฯ ขสมก. ไม่ได้ติดอยู่ที่สภาพัฒน์ และกระทรวงคมนาคมไม่จำเป็นต้องนำแผนฟื้นฟูฯ มาให้สภาพัฒน์พิจารณาก่อนเสนอที่ประชุม ครม.ด้วยแต่...สิ่งที่กระทรวงคมนาคมต้องเสนอมาให้สภาพัฒน์พิจารณาคือ แผนรายละเอียดการลงทุนในการจัดหารถโดยสารประจำทางใหม่เท่านั้น ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งที่อยู่ในแผนฟื้นฟูฯ ขสมก.“ยืนยันว่าสภาพัฒน์ไม่ได้มีประเด็นอะไรเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูฯ ขสมก. ซึ่งก่อนหน้านี้สภาพัฒน์ได้ส่งความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูฯ ไปยัง ครม.นานมากแล้ว และ...ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด” ดนุชา ว่า“เวลานี้หากแผนฟื้นฟูฯจะเข้า ครม. ก็เข้าไปได้เลย ไม่ต้องส่งมาที่สภาพัฒน์ เรื่องที่ต้องส่งมาคือแผนที่ ขสมก. จะลงทุนซื้อรถเมล์ใหม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหากต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการใด ต้องส่งแผนและรายละเอียดต่างๆ มาให้สภาพัฒน์พิจารณาด้วย ไม่ได้เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูฯ ทั้งฉบับ”ถึงตรงนี้ “สภาพัฒน์” พร้อมที่จะชี้แจง และเตรียมนัดหารือกับทางกระทรวงคมนาคมในเร็วๆนี้ หากแผนฟื้นฟูฯ ขสมก. จะมีประเด็น หรือติดขัดในเรื่องใด น่าจะอยู่ที่เรื่องภาระหนี้ของ ขสมก.มากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องของสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ไม่ได้เกี่ยวกับสภาพัฒน์แต่อย่างใด คงต้องทำความเข้าใจกันใหม่เลขาฯสภาพัฒน์ กล่าวแบบมั่นอกมั่นใจแบบนี้ กระทรวงคมนาคมและประชาชน คงจะอุ่นใจได้เชื่อว่าหากเป็นไปตามนี้ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อีกไม่นานเกินรอ “แผนฟื้นฟูฯ ขสมก.” ที่หลายคนรอคอยคงจะได้แสดงศักยภาพที่จะมาช่วยยกระดับ และเพิ่มประสิทธิภาพงานบริการของ ขสมก.ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่สำคัญ...จะช่วยลดปัญหาการขาดทุนสะสมให้กับ ขสมก.ด้วย ซึ่งทุกวันนี้ตัวเลขขาดทุนยังเดินหน้าไม่หยุด คร่าวๆน่าจะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท นับเป็นแนวโน้มที่ดี และฝันของคนกรุงคงจะเป็นจริงได้เสียที ณ เวลานี้ได้แต่ภาวนาว่า...“สภาพัฒน์” ซึ่งเป็นหน่วยงานทางวิชาการในการวางกรอบ และแผนการพัฒนาประเทศที่ยืนอยู่บนหลักการ คงจะไม่ถูกการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพื่อประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจ หรือ...บางคน บางพรรค?ระบบขนส่งมวลชนพื้นฐาน... “รถเมล์คนกรุง” ต้องบริการดี มีคุณภาพเหมาะสม นอกจากนี้แล้ว “ค่าโดยสาร” ยังต้องสะท้อนต้นทุนชีวิตของประชาชนที่ต้องใช้รถเมล์อย่างแท้จริงจับตาดูกันในเร็ววันนี้ว่า “แผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)” เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการรถโดยสารประจำทางให้ดีขึ้น สุดท้าย...จะยังคงเป็นแค่การพูดถึง หรือนำไปสู่การปฏิบัติจริงมากน้อยแค่ไหนอย่างไรปัญหาเรื่อง “รถเมล์” เรื้อรังผ่านมาหลาย 10 ปี จะได้รู้กันว่า จะจบในรุ่นเราได้ไหม.