พิษโควิด-19 ทำเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างบ้านเรามาตรการล็อกดาวน์ ทำนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยากจะมาเที่ยวหายหมด วันนี้ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรียกว่า ตายยิ่งกว่าเขียดตากแห้ง ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ภัตตาคาร ร้านอาหาร โรงแรม มัคคุเทศก์ รถเช่าสถานบันเทิง รวมไปถึงสินค้าเกษตรอื่นๆ หมู เห็ด เป็ด ไก่ ผลไม้ ที่ป้อนธุรกิจในห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ล้วนจอดสนิทที่ผ่านมาแม้รัฐจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการให้คนไทยเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น...แต่ดูเหมือนจะไม่ถึงฝั่งฝันสักเท่าไรเห็นได้จาก “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” ที่รัฐตั้งงบประมาณไว้ถึง 20,000 ล้านบาท หวังเอาเงินเข้าไปอัดฉีดจูงใจให้คนไทยเที่ยวมากขึ้น ทั้งออกค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน ให้คูปองซื้อสินค้าในราคาถูก แถมยังสรรหาวันหยุดยาว เพื่อให้คนไทยได้เฮโลเที่ยวกัน...แต่คนก็ยังไม่ไปกันสักเท่าไรแรกๆดูคึกคัก แต่นานไปชักหดหู่ คนไม่กล้าเที่ยว เพราะนอกจากโควิดจะทำให้คนตกงาน คนทำงานรายได้ก็ยังหด ให้หยุดมากเที่ยวมากเงินมันก็หมดทำให้โครงการจากเดิมที่วาดฝันจะให้สิ้นสุด 31 ต.ค.63 ต้องขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือน ไปจนถึง 31 ม.ค.64ต้องรับความเป็นจริงของชีวิต สถานการณ์เช่นนี้ คนธรรมดาทั่วไปใครที่ไหนจะกล้าเอาเงินไปเที่ยวกันได้มากมาย สู้เก็บเงินสดไว้กับตัวจะปลอดภัยกว่า เพราะไม่รู้ว่าวิกฤตินี้จะยาวนานไปแค่ไหน แถมอนาคตการงานที่ยังมีให้ทำอยู่ ไม่รู้ว่าจะยืนไปได้อีกสักกี่น้ำ ฉะนั้นในสภาพเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ การมุ่งเน้นเพียงนักท่องเที่ยวรายบุคคล เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ผล คงไปไม่ถึงฝั่งฝัน ในเมื่อนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม กรุ๊ปทัวร์จากต่างประเทศไม่มี จำเป็นต้องพึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่ยังพอมีกำลังทรัพย์มาช่วยขับเคลื่อนหนึ่งในนั้น ไม่ควรมองข้าม...กรุ๊ปทัวร์เครือข่ายสหกรณ์ไทยด้วยเหตุผลสหกรณ์ในบ้านเรากว่า 6,000 แห่ง มีสมาชิก 11.7 ล้านคน มีเงินกองทุนสวัสดิการ ที่พร้อมจะพาสมาชิกออกไปท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายภาครัฐเงินก้อนนี้มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว...เฉพาะปีที่แล้ว สหกรณ์ทั้งระบบมีกำไรสุทธิกว่า 98,000 ล้านบาท...สมทบเข้ากองทุนสวัสดิการไม่ต่ำกว่า 5% เป็นเงินประมาณ 490 ล้านบาทเห็นตัวเลขแค่นี้ อย่าเพิ่งมองว่า จิ๊บๆ...490 ล้านบาท เป็นแค่ตัวเลขของปีที่แล้ว เพียงปีเดียวอย่าลืมว่าเงินกองทุนก้อนนี้มีทยอยเข้ามาสะสมในสหกรณ์ทุกแห่งที่มีกำไรมาหลายปีแล้ว...บางแห่งสะสมกันมานานไม่ต่ำกว่า 40 ปีคิดดู ถึงวันนี้เงินกองทุนก้อนนี้มันจะมีมากมายขนาดไหน แม้จะมีการนำไปใช้เรื่องสวัสดิการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่งงาน ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ บ้างก็ตาม...แต่อย่างน้อยๆ ทุกปีที่จ่ายไป จะมีเงินเหลือติดสะสมอยู่ในกองทุนสวัสดิการไม่ต่ำกว่า 20% ทุกปี ที่สำคัญเงินก้อนนี้ สหกรณ์สามารถนำมาใช้เรื่องการท่องเที่ยวเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้...เพราะการท่องเที่ยวทัศนศึกษา การอบรมให้ความรู้แก่สมาชิก เป็นหนึ่งในกฎเหล็กที่ต้องจัดให้กับสมาชิกทุกปีตามหลักการสหกรณ์นี่เป็นข้อเสนอที่คนในขบวนการสหกรณ์ต้องการนำเสนอสู่ผู้บริหารประเทศ ให้ช่วยเห็นความสำคัญของขบวนการสหกรณ์ไทยต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ...โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวในภาวะวิกฤติเช่นนี้อย่าได้แต่มองในแง่ลบ...สหกรณ์เป็นตัวสร้างปัญหา ถ่วงเศรษฐกิจเหมือนที่นักการเมืองบางคนหลิ่วตาเหลือบแลถ้าเห็นดีเห็นงามด้วย คนขบวนการสหกรณ์มองว่า รัฐบาลแทบไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องเอาเงินงบประมาณมาควักจ่ายอุดหนุนสหกรณ์แต่อย่างใดทั้งสิ้นขอแค่เพียงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีอำนาจเต็มในการกำกับดูแลและส่งเสริมสหกรณ์ ออกหนังสือเชิญชวนให้สหกรณ์ทุกแห่งร่วมแรงรวมพลังสนับสนุนในการพาสมาชิกออกไปท่องเที่ยวทั่วไทยเท่านั้นเองไปกันในแบบท่องเที่ยวและทัศนศึกษา สนับสนุนกิจกรรมสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน โฮมสเตย์ กระจายรายได้สู่ชุมชนและสังคม ชุมชนมีรายได้จากการขายสินค้าเกษตร ขายอาหาร สินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน แถมยังช่วย คนตกงานกลับภูมิลำเนาได้มีงานทำ...ฟื้นเศรษฐกิจชนบทที่ซบเซาให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง สมาชิกสหกรณ์ที่ไปในฐานะนักท่องเที่ยว ยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีการดำรงชีวิตตามหลักการเศรษฐกิจพอเพียง และยังได้สร้างความรักสามัคคีในหมู่สมาชิกสหกรณ์ด้วยกันเอง เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกันตามมาอีกด้วยโครงการดีๆ รัฐไม่ต้องควักจ่ายเช่นนี้...น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่าโครงการซื้อตะกร้าพลาสติกแจกสหกรณ์เป็นไหนๆ เพราะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่สมประโยชน์.ชาติชาย ศิริพัฒน์