เชื่อว่าคุณแม่บ้านหลายคนน่าจะเคยมีปัญหาเรื่องการรีดผ้า ที่ไม่รู้ว่าควรจะรีดอย่างไร รีดทีละตัว รีดทีละหลายๆตัว หรือผ้าแบบไหนควรใช้ไฟขนาดไหน ที่สำคัญที่สุด คือ รีดผ้าอย่างไรจึงจะประหยัดไฟมากที่สุดมาฟังเคล็ดลับจาก ตลาดนัด...ไฉไล กันคร้า!!!ก่อนจะไปถึงการรีดผ้า มาทำความรู้จักกับเตารีดแต่ละแบบ แต่ละชนิดกันก่อนโดยทั่วไป เตารีดที่ใช้ในการรีดผ้ามีด้วยกัน 3 แบบ เริ่มจากแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด นั่นก็คือ เตารีดแบบธรรมดา เป็นเตารีดที่มีวิธีใช้ค่อนข้างง่าย เตารีดแบบนี้ ส่วนใหญ่จะมีปุ่มสำหรับปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับผ้าแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย ผ้าคอตตอน ผ้าลินิน เวลารีด เมื่อระดับความร้อนถึงกำหนด อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิจะตัดทันทีโดยอัตโนมัติแบบที่สอง เตารีดไอน้ำ เป็นเตารีดที่พัฒนาขึ้นมาจากเตารีดแบบธรรมดา โดยรวมๆแล้ว ส่วนประกอบก็คล้ายๆกับเตารีดธรรมดา แต่ทำงานสะดวกกว่า มีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือ เตารีดชนิดนี้จะมีภาชนะสำหรับใส่น้ำเพื่อใช้ผลิตเป็นไอน้ำคอยพ่นออกมาบนผ้าที่ต้องการรีด การรีดด้วยเตารีดไอน้ำจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพรมผ้าให้เปียก หรือพรมน้ำเวลารีด และส่วนใหญ่เตารีดไอน้ำจะมีน้ำหนักเบากว่าเตารีดธรรมดา ข้อเสียของเตารีดชนิดนี้มีเพียงอย่างเดียว คือ ใช้กำลังไฟสูงกว่าเตารีดแบบธรรมดา อาจจะเปลืองไฟกว่า แต่ก็รีดผ้าได้มากกว่า เหนื่อยน้อยกว่าแบบสุดท้าย เตารีดแบบกดทับ เป็นเตารีดที่ไม่เหมาะกับการใช้ตามบ้าน จึงไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ราคาของเตารีดชนิดนี้ ค่อนข้างสูง รีดผ้าจำนวนมากๆได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงเหมาะสำหรับใช้งานในร้านซักรีด ข้อดีของเตารีดแบบกดทับ ที่มีการพิสูจน์ออกมาแล้ว คือ ใช้พลังงานโดยรวมน้อยกว่าเตารีดแบบธรรมดาและแบบไอน้ำเอาล่ะค่ะ รู้จักเตารีดแต่ละชนิดกันแล้ว คราวนี้มาดูวิธีการดูแลและใช้เตารีดอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ประหยัดไฟมากที่สุดก่อนอื่นเลย ควรหมั่นสังเกต หน้าสัมผัสของเตารีด หากมีคราบสกปรกให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดออกเพราะคราบสกปรกจะเป็นค่าต้านทานความร้อนทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าในการเพิ่มความร้อนมากขึ้นในการรีดผ้า ควร เก็บผ้าที่รอรีดไว้ให้เรียบร้อย เพื่อทำให้ผ้ายับน้อยที่สุด อันนี้ต้องเริ่มตั้งแต่เวลาซักเลย คือ คลี่ผ้าออกทั้งหมดก่อนซัก ไม่ให้จับกันเป็นก้อน เวลาตากผ้าต้องดึงผ้าให้ตึง เพื่อทำให้รีดง่ายและประหยัดพลังงานก่อนจะรีดควร แยกประเภทของผ้า ไว้เสมอ เพื่อความสะดวกในการเลือกรีดก่อนหรือหลัง ผ้าประเภทเดียวกันแยกไว้กลุ่มเดียวกัน เพื่อจะได้ปรับระดับความร้อน ไอน้ำ ให้เหมาะสมกับผ้าที่จะรีด และสุดท้าย รวบรวมผ้าที่จะรีดแต่ละครั้งให้มากพอ ย้ำกันเลยค่ะว่า ไม่ควรรีดผ้าทีละชุด เพราะในการเสียบปลั๊กเตารีดแต่ละครั้ง จะมีช่วงเวลาที่รอให้ความร้อนสูงถึงระดับ ซึ่งเป็นช่วงที่เปลืองไฟมากที่สุด ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการรีดผ้ากันคร้า..!!เคล็ดลับในการรีดผ้าให้ออกมาเรียบ หรู ดูดี และประหยัดไฟ ทำตามนี้เลยนะคะ เริ่มจากไม่ควรพรมน้ำ หรือฉีดน้ำใส่ผ้ามากจนเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียความร้อน และเปลืองไฟเวลารีด ดีไม่ดีผ้าอาจจะมีรอยด่างของคราบน้ำได้ง่ายเริ่มต้นจากการรีดผ้าบางๆ หรือผ้าที่ต้องการความร้อนน้อยก่อน พอเตารีดเริ่มร้อนขึ้น จึงรีดผ้าที่ต้องการความร้อนสูง อย่างที่บอกไว้ในตอนต้นค่ะว่า ให้จัดกลุ่มผ้าไว้จากที่ต้องการความร้อนน้อย ไปยังผ้าที่ต้องการความร้อนสูงโดยตั้งเครื่องควบคุมความร้อนตามชนิดของผ้า ตามลำดับของกลุ่มผ้า ซึ่งโดยทั่วไป เตารีดส่วนใหญ่จะจัดลำดับกลุ่มผ้าไว้แล้ว โดยมีเลขกำกับ คือ ตำแหน่งที่ 1 ผ้าอะคริลิก ผ้าอะซิเทด ตำแหน่งที่ 2 ผ้าไนลอน ผ้าไหม ตำแหน่งที่ 3 ผ้าเรยอน ผ้าโพลีเอสเตอร์ ตำแหน่งที่ 4 ผ้าขนสัตว์ ตำแหน่งที่ 5 ผ้าฝ้าย และตำแหน่งที่ 6 ผ้าลินินสุดท้ายก่อนรีดผ้าเสร็จประมาณ 3-4 นาที ให้ถอดปลั๊กออกเลย และไม่ต้องกลัวว่าผ้าที่เหลือจะไม่เรียบ เพราะความร้อนที่เหลืออยู่ในเตารีดไฟฟ้ายังสามารถรีดผ้าชนิดที่ไม่ต้องการความร้อนมาก เช่น ผ้าเช็ดหน้าได้ย้ำอีกครั้งนะคะ การรีดผ้าให้ประหยัดไฟ แนะนำว่า ควรรวบรวมผ้าไว้รีดรวมกันครั้งละหลายๆชุด การรีดผ้าหลายๆชุดใน 1 ชั่วโมง จะประหยัดกว่าการเสียบปลั๊ก ถอดปลั๊กหลายๆครั้ง เพื่อรีดเพียงครั้งละชุด, อย่าพรมน้ำเปียกจนเกินไป เพราะจะทำให้เสียเวลาในการรีดประมาณ 2 เท่า สิ้นเปลืองไฟมากขึ้น, เตารีดที่ใช้งานมานานๆถึงจะไม่มีการเสียหายชำรุด ก็ควรมีการตรวจสอบหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในบางอย่าง รวมทั้งสายไฟที่ต่อซึ่งอาจมีการชำรุด เสื่อมสภาพลง ทำให้วงจรติดต่อภายในไม่ทำงานเพียงเท่านี้ก็ทำให้การรีดผ้าของคุณเป็นเรื่องง่ายๆแล้วละค้า..!!!