แนวชายแดน “ไทย”-“พม่า” มีแนว ยาวระยะทางรวมประมาณ 2,401 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับ 10 จังหวัดประเทศไทย สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส “โควิด-19” ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญที่น่ากังวลคือความมั่นคงตามแนวชายแดนที่ต้องเพิ่มความเข้มในทุกมาตรการอย่างที่สุด ในทุกจุด...ทุกพื้นที่รอยต่อจังหวัดชายแดนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ที่มีพรมแดนติดกับชายแดนติดกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทั้ง 10 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรีประสานการทำงานร่วมกับทหาร ปกครอง กระทรวงสาธารณสุขรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติของการป้องกันโรค ตามคำสั่ง ศบค.อย่างเคร่งครัดเริ่มตั้งแต่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ป้องกันคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ทั้งช่องทางจุดผ่านแดนถาวร, จุดผ่อนปรนทางการค้า,จุดผ่อนปรนพิเศษ และช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน สืบสวน หาข่าว การกระทำในลักษณะเป็นขบวนการนำพา เป็นนายหน้า และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่สำคัญ...ต้องขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องทุกราย ทั้งในระดับพื้นที่ และทางสื่อสารออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ สื่อต่างๆประเด็นสำคัญที่ “คนไทย” ทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาในวันนี้ห้ามมิให้มีกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจในปกครอง เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเข้าเมืองผิดกฎหมายของ “คนต่างด้าว” หากพบการกระทำผิด โดยจะพิจารณาดำเนินการทางอาญา และทางวินัยอย่างเฉียบขาดทุกกรณีเพื่อควบคุมและป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ และให้ประเทศไทยปราศจากเชื้อไวรัสโควิดในทุกมิติ หากประชาชนพบเบาะแส หรือมีข้อมูลการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) หมายเลข 1599 หรือสายด่วนแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย หมายเลข 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงข้อมูลเปิดเผยสถานการณ์จริงจาก “คุณหมอหน้าด่าน” (Nuttagarn Chuenchom:fb) ที่ประสบ “ชายแดนแม่สอด” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...ระบุว่าชายแดนจังหวัดตากฝั่งตะวันตกที่ติดประเทศพม่า มีความยาวกว่า 600 กิโลเมตร จากทิศเหนืออำเภอท่าสองยาง จดทิศใต้ที่อำเภออุ้มผาง มันยาวมากๆอย่างไม่น่าเชื่อเลยมีช่องผ่านถาวรอยู่ 1 ช่องตรงสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ที่เหลือ...ก็เป็นช่องผ่อนปรนมีชาวต่างชาติเข้าออกอย่างชั่วคราวตลอดมา ที่ผ่านมาพวกเราก็ทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ ขึ้นทะเบียนพยายามให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน มอบสิทธิพลเมืองพึงมี สิทธิการเข้าถึงบริการสุขภาพ คัดกรองโรคระบาดให้บริการป้องกันโรคเช่นฉีดวัคซีน มีการผลักดันให้มีหน่วยงานสาธารณสุขชายแดนมากว่า 7 ปี แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้น พวกเราอดทนทำงานหนักเป็น 2-3 เท่ากว่าโรงพยาบาลปกติ เพราะมีจำนวนเจ้าหน้าที่ที่คำนวณมาสำหรับคนไทยแต่เราต้องทำงานเพื่อคนต่างชาติด้วยคนไทยในพื้นที่ชายแดนประมาณ 3 แสนคน มีคนต่างชาติ 3 แสนคนสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง มีศูนย์อพยพ 3 ศูนย์มีผู้อพยพอาศัยอยู่กว่า 2 แสนคน...ใครไม่มาอยู่ก็คงไม่เข้าใจว่าปัญหาชายแดนไม่เคยจบ“ช่วงนี้มีการระบาดของโรคโควิดในประเทศพม่ายิ่งทำให้เครียดทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ ปกครอง สาธารณสุขพยายามอย่างเต็มที่ในการสกัดกั้นไม่ให้มีการข้ามแดนเพราะเราไม่รู้ว่าจะเจอคนไข้ข้ามมาเมื่อไหร่ เราอยากให้คนไทยปลอดภัย หลายคนบอกว่าปิดชายแดนไปเลยสิ...บอกตรงๆว่าไม่สามารถปิดได้”เพราะ “ช่องทางธรรมชาติ” มีมากเกินไป ข้ามง่ายเพียงการเดินไม่กี่ก้าว ลำพังกองกำลังที่มีไม่สามารถปูพรมทุกตารางพื้นที่และ 24 ชั่วโมงได้ในขณะที่เรามีหน้าที่เป็นปราการป้องกันโรคแต่เราก็จะไม่ทำให้เกิดวิกฤติทางมนุษยธรรม บางครั้งมีคนไข้อาการปางตายด้วยโรคอื่นหลุดข้ามมา เช่น หญิงตั้งครรภ์คลอดลูกติด เราก็รับเพราะมันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแต่ก็ต้องมีแนวทางคัดกรองและแยกกักกันโรคอย่างดีที่สุดตอนนี้ก็มีนโยบายจะนำ “แรงงานต่างชาติ” เข้ามาผ่านชายแดนนี้อีก โดยไม่มีท่าทีจะชะลอ ฉันไม่แน่ใจว่าจะป้องกันโรคได้ดีดังเดิมหรือไม่ และตอนนี้อุปกรณ์ที่เรามีไว้ใส่ป้องกันก็ร่อยหรอลงไป เราหมดงบประมาณไปกับการควบคุมการระบาดระลอกแรก ตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลือ กลางดึกคืนหนึ่งเจ้าหน้าที่จับแรงงานต่างชาติได้ 10 คน ตรวจพบว่ามีไข้ 2 คน ต้องนำมาตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาล ฝ่ายสาธารณสุขก็ต้องคัดกรองจนมั่นใจว่าจะไม่มีโรค ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องกักกัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ฉันถามแรงงานเหล่านั้น เขาบอกว่าที่พม่าแร้นแค้นมากไม่มีงานทำ ไม่มีบ้านอยู่ ก็เลยอยากมาหางานทำก่อนหน้าเคยทำงานที่เมืองไทยอยู่แล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าเคร่งครัดเพราะนายหน้าบอกว่ามาง่ายๆ ไม่มีการจับกุม เขาก็ไม่ได้ติดตามข่าวสารของเมืองไทย เขาลอยคอมาตามแม่น้ำเมย พอขึ้นฝั่งก็ถูกเจ้าหน้าที่จับ ตอนนี้ยังติดต่อนายหน้าไม่ได้เลย เงินก็จ่ายไปแล้วหมื่นห้า ฉันถามว่าไม่กลัวถูกหลอกเหรอ...เขาว่าก็ต้องเสี่ยงดู นี่ก็เงินก้อนสุดท้ายแล้ว...ในเรื่องที่ผิดกฎหมาย มันก็มีความน่าเอ็นดูซ่อนอยู่ทุกวันนี้ก็เลยต้องเปลี่ยนความรู้สึกเบื่อเซ็งว่าทำไมถึง “สกัดกั้น” การหลบหนีเข้าเมืองไม่ได้ 100% มาเป็นทำอย่างไรจึงจะ “จับกุม” และ “คัดกรอง” โรคให้ได้เร็วที่สุดแทน... “เร็วคือรอด”ตอนนี้ทางฝั่งพม่าก็มีด่านกั้นแต่ละจังหวัดละเอียดยิบ มีการล็อกดาวน์ ประชาชนอยู่ในบ้าน 24 ชั่วโมงนานกว่า 21 วัน...นับว่าโหดมากทีเดียว พวกเขาก็กลัวการระบาดในพื้นที่ของตนเองเหมือนกัน ทำให้เราได้อานิสงส์ไปด้วย อย่างน้อยก็คาดว่าเชื้อโรคจะไม่ลุกลามมาประเทศเราเร็วเกินกว่าที่เราจะตามมันทัน“...ยังพอมีเวลาเตรียมการ สัญญาว่าเราจะเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ป้องกันชายแดนไทย-พม่าด้านตะวันตกอย่างดีที่สุดเพื่อป้องกันประเทศจากเชื้อโรคร้ายนี้ แม้ว่าจะมีปัญหาหนักหนาต้องต่อสู้มากมาย แม้ว่างานจะเหนื่อยหนักและเสี่ยงภัยขนาดไหน แม้ว่าจะหมดแรงใจหลายครั้ง...พวกเราก็ยังสู้อยู่ตรงนี้”แม้จะไม่รู้ปลายทางก็ตาม เรารับรู้ว่าคนไทยก็สู้ไปกับเรา และพร้อมจะเป็นลมใต้ปีก...หากใครพอมีอุปกรณ์เหลือใช้ ไม่ว่าจะเป็นชุด PPE เสื้อกาวน์กันน้ำ ชุดกันฝน ถุงมือ แมสก์ N95 แมสก์ธรรมดา กระจังหน้า น้ำยาทำความสะอาด อยากส่งมาช่วยพวกเรารบที่ชายแดน พวกเรายินดีน้อมรับและขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะโรงพยาบาลแม่สอด, โรงพยาบาลท่าสองยาง, โรงพยาบาลแม่ระมาด, โรงพยาบาลพบพระ, โรงพยาบาลอุ้มผาง กำลังใจที่ส่งมาให้ คงทำให้มีแรงสู้ไปได้อีกวัน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอดื้อ” คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝากไว้ว่า สิ่งที่ต้องตระหนักในประเทศไทยก็คือมีคนที่ติดเชื้อแพร่เชื้อได้โดยไม่มีอาการอยู่แล้วทั้งนี้ ถ้าคนที่ติดเชื้อไม่ได้เปราะบางก็จะแพร่เชื้อไปได้ 20 ถึง 30 วันก็ได้และหยุดแพร่...แต่ถ้าตนเองมีวินัยใส่หน้ากาก รักษาระยะห่าง ล้างมือ...ก็ไม่สามารถปล่อยเชื้อไปให้ผู้อื่น และคนอื่นๆที่มีวินัยเช่นกันก็ป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าตนเองได้ แต่ถ้าเมื่อใดที่เริ่มผ่อนคลายวินัย เชื้อจากคนที่ไม่มีอาการเหล่านี้ก็จะค่อยๆเริ่มแพร่เป็นลูกโซ่สรุป...การรักษาวินัยดังที่ผ่านมาจะทำให้ระบบสาธารณสุขอยู่รอดได้และคนไทยปลอดภัย.